รัฐบาลประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้คำมั่นยุติการค้าเนื้อสุนัข เจ้าหน้าที่ภาครัฐร่วมทำงานกับกลุ่มพันธมิตรพิทักษ์สุนัขเอเชีย APCA

0
260
image_pdfimage_printPrint

 

(กรุงเทพฯ) 2  กันยายน 2556 – เจ้าหน้าที่รัฐประจำประเทศของไทย กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ร่วมให้คำมั่นสัญญาในการยุติการทารุณด้านการค้าเนื้อสุนัขเชิงพาณิชย์ ในปีหนึ่งจะพบว่ามีสุนัขกว่า 5 ล้านตัวถูกสังหารอย่างโหดร้ายเพื่อตอบสนองการบริโภคของมนุษย์ ซึ่งมีการลักลอบขนส่งข้ามแดนจากประเทศไทย กัมพูชา และลาวไปยังประเทศเวียดนามเพื่อการบริโภคเนื้อสุนัข

 

การผลิตเนื้อสุนัขเริ่มมาจากการค้าขนาดเล็กในระดับครัวเรือน สู่การเป็นอุตสาหกรรมค้าสุนัขผิดกฎหมายที่มีมูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน ซึ่งได้นำความเจ็บปวดและความทรมานมาสู่สุนัขทั้งหลาย อีกทั้งยังนำความเสี่ยงและเป็นอันตรายต่อสุขภาพมนุษย์อีกด้วย ทั้งนี้ การค้าในสุนัขเนื้อเกี่ยวข้องกับของโรคที่ไม่สามาถระบุได้ในสุนัขและการฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นความพยายามในการกำจัดโรคพิษสุนัขบ้าในระดับภูมิภาค

 

ประเทศต่างๆ ล้มเหลวในการดำเนินงานตามมาตรการการป้องกันโรคในสัตว์ และไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำขององค์กรอนามัยโลกและองค์กรสุขภาพสัตว์โลก ในการควบคุมและการกำจัดโรคพิษสุนัขบ้า อีกทั้งการบริโภคเนื้อสุนัขยังมีความเกี่ยวพันถึงการติดต่อแพร่กระจายของโรคพยาธิทริคิโนซิส อหิวาตกโรค รวมถึงโรคพิษสุนัขบ้า ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกเผยถึงการค้าสุนัขเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดโรคพิษสุนัขบ้าในประเทศอินโดนีเซีย รวมถึงอหิวาตกโรคในประเทศเวียดนาม

 

เจ้าหน้าที่รัฐบาลเห็นชอบในการยุติการค้าเนื้อสุนัข ณ การประชุมล่าสุดที่จัดขึ้นที่กรุงฮานอย ร่วมกับกลุ่มพันธมิตรพิทักษ์สุนัขเอเชีย (Asia Canine Protection Alliance – ACPA) เจ้าหน้าที่รัฐ กล่าวถึงประเด็นการแพร่ระบาดของโรคพิษสุนัขไว้ว่า จะทำการประกาศพักการออกกฎหมายในการขนส่งสุนัขเชิงพาณิชย์ในอีกห้าปีข้างหน้า ในขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังทบทวนถึงผลกระทบของการระบาดของโรคพิษสุนัขบ้าไปทั่งทั่งภูมิภาค (สำหรับประเทศไทยซึ่งการค้าสุนัขเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่มีความเห็นชอบในการกวดขันกฎหมายปัจจุบันให้มีบทลงโทษที่รุนแรงมากขึ้น)

 

นายสัตวแพทย์พรพิทักษ์ พรหล้า สังกัดกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขประจำประเทศไทย กล่าวว่า “เราไม่สามารถเปลี่ยนวัฒนธรรมหรือพฤติกรรมได้ แต่เราควรหยุดการลักลอบค้าสุนัข การประชุมครั้งสำคัญนี้จะเป็นการกระตุ้นเตือนให้หน่วยงานของภาครัฐ เห็นถึงปัญหาที่มาจากการค้าเนื้อสุนัข และหารือถึงแนวทางยัลยั้งการแพร่ระบาดของโรคพิษสุนัขบ้า”

 

มส.เหวียน ทู ถวี รองผู้อำนวยการกรมสุขภาพสัตว์ประจำประเทศเวียดนาม กล่าวว่า “สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคพิษสุนัขได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะในปีนี้ หนึ่งในเหตุผลหลักคือการลักลอบขนส่งสุนัขเพื่อการค้าข้ามชายแดน”

 

นายบุญสืบ แช่มช้อย หัวหน้าผู้ตรวจราชการทั่วไปสังกัดกระทรวงมหาดไทยประจำประเทศไทย กล่าวว่า “เราไม่เคยอนุญาตให้มีการขนส่งสุนัขจากประเทศไทยไปยังเวียดนามเพื่อการบริโภค เรายังคงแสวงหามาตรการแก้ปัญหา แต่เนื่องจากชายแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศอื่นๆ นั้นยาวมาก จึงเป็นการยากในการจัดการประกอบการพิจารณาการค้าที่ผิดกฎหมายนี้ ซึ่งเราก็กำลังพยายามอย่างเต็มที่”

 

องค์กรพิทักษ์สัตว์ สังกัดกลุ่มพันธมิตรพิทักษ์สุนัขเอเชีย จะร่วมทำงานกับเจ้าหน้าที่ในการช่วยเหลือทางด้านการเงิน ผู้เชี่ยวชาญและสิ่งจำเป็นอื่นๆ ทั้งนี้ กลุ่มพันธมิตรพิทักษ์สุนัขเอเชีย เกิดขึ้นจากการร่วมมือกันระหว่าง มูลนิธิการเปลี่ยนแปลงเพื่อสัตว์ (Change For Animals Foundation – CFAF)  สมาคมมนุษยธรรมนานาชาติ (Humane Society International – HSI) มูลนิธิสัตว์แห่งเอเชีย (Animals Asia) และมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย (Soi Dog Foundation) โดยดำเนินการไปทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก

 

มส.โลล่า เว็บเบอร์ ประธานโครงการของมูลนิธิการเปลี่ยนแปลงเพื่อสัตว์ กล่าวว่า “ยังคงมีการแพร่ระบาดของโรคพิษสุนัขบ้าในสุนัขในประเทศเวียดนาม ไทย ลาว และกัมพูชา ทั้งนี้ การยุติการลักลอบค้าเนื้อสุนัขเพื่อการบริโภคนั้นเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ ในการควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าในระดับชาติและระดับภูมิภาค”

 

มส.เคลลี่ โอ เมียร่า ผู้อำนวยการฝ่ายสัตว์เลี้ยงและการถือครองแห่งสมาคมมนุษยธรรมนานาชาติ กล่าวว่า “การค้าไม่มีความเกี่ยวข้องกับความปรารถนาที่จะรักษาวัฒนธรรมหรือประเพณี แต่การค้าเป็นนั้นมีแรงขับเคลื่อนทางด้านผลประโยชน์และความสุ่มเสี่ยงทางด้านสุขภาพ นอกจากนี้ ยังมีการติดตามสวัสดิภาพสัตว์และการจัดเก็บเอกสารหลักฐานชิ้นสำคัญทั้งในระดับภูมิภาคเอเชียและระดับโลก ที่แสดงถึงความโหดร้ายที่มีอยู่ในทุกขั้นตอนของการค้าสุนัข ตั้งแต่แหล่งที่มา การขนส่ง การขาย สู่ขั้นตอนการสังหารอย่างโหดร้าย”


มร.ต๋วน เบนดิกเซน ผู้อำนวยการมูลนิธิสัตว์แห่งเอเชียประจำประเทศเวียดนาม กล่าวว่า “ขณะที่การค้าเนื้อสุนัขเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายในประเทศประเทศเวียดนาม ลาว และกัมพูชา แต่ในการค้าในระดับนานาชาติการค้านั้นเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ถ้าเอกสารสุขภาพและการฉีดวัคซีนไม่ถูกต้อง ในขณะที่การค้านั้นเกี่ยวกับข้องกับสุนัขนับร้อยในการขนส่งแต่ละครั้ง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่สุนัขทุกตัวจะมีเอกสารดังกล่าวอย่างถูกต้อง หรือมีการตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนการส่งข้ามแดน ดังนั้นการค้าดังกล่าวนี้ควรจะต้องมีการยุติลงไป”

มร.จอห์น แดลลีย์ รองประธานมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย กล่าวว่า “โรคพิษสุนัขบ้าและโรคติดต่ออื่น ๆ เช่น อหิวาตกโรคและ โรคพยาธิทริคิโนซิส เป็นตัวแทนของการคุกคามทางสาธารณสุขที่สำคัญทั่วเอเชีย และก่อให้เกิดผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจ สุขภาพของมนุษย์ และสวัสดิภาพของสัตว์ นอกจากนี้ มันจะไม่เสียหายใดๆ เลย หากไม่มีประเทศใดในโลกทำให้การผลิต การค้าขาย และการบริโภคเนื้อสุนัขถูกกฎหมาย”