วันที่ 15 สิงหาคม 2562 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) นายธนา วีรวินิจ เลขานุการรัฐมนตรี นายนราพัฒน์ แก้วทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจติดตามการบริหารจัดงานน้ำ พร้อมตรวจความคืบหน้าการดำเนินงานก่อสร้างปรับปรุงคลองระบายน้ำ ร.1 พร้อมอาคารประกอบโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ (ระยะที่ 2) จังหวัดสงขลา โดยมี นายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายประพิศ จันทร์มา รองอธิบดีกรมชลประทาน นายเสริมชัย เซียวศิริถาวร ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ นายชูชาติ รักจิตร ผู้อำนวยการกองพัฒนาแหล่งน้ำขนาดกลาง นายประสิทธิ์ จรินานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 16 นายรุทร์
อินนุพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 11 ร่วมลงพื้นที่
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า กรมชลประทานเล็งเห็นปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนชาวหาดใหญ่ ซึ่งปี 2553 ได้เกิดน้ำล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมพื้นที่เขตเทศบาลนครหาดใหญ่สร้างความเสียหายถึง 10,490 ล้านบาท ต่อมาจึงดำเนินโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ (ระยะที่ 2) ด้วยการขุดขยายคลองระบายน้ำ ร.1 จากเดิมที่สามารถระบายน้ำได้ 465 ลบ.ม./วินาที เป็น 1,200 ลบ.ม./วินาที เมื่อรวมกับศักยภาพการระบายน้ำของคลองอู่ตะเภาที่ระบายน้ำได้ 465 ลบ.ม./วินาที จะทำให้สามารถระบายน้ำได้รวม 1,665 ลบ.ม./วินาที โดยการขุดขยายคลองระบายน้ำร.1 จะช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของพื้นที่อำเภอหาดใหญ่และพื้นที่ใกล้เคียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้างานก่อสร้างของโครงการฯ เห็นว่างานก่อสร้างปรับปรุงคลองระบายน้ำ ร.1 เป็นโครงการสำคัญที่จะช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยของพี่น้องประชาชนอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
“ขอให้กรมชลประทานเร่งรัดการดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพราะหลังจากปรับปรุงคลองระบายน้ำร.1 แล้วเสร็จ จะช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมได้มาก และให้เตรียมความพร้อมรับมือช่วงมรสุมที่จะมาถึงนี้ให้คลองระบายน้ำต่าง ๆ สามารถระบายน้ำได้เต็มที่ รวมถึงให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนเร่งดำเนินการเตรียมความพร้อมเพื่อช่วยเหลือประชาชน แม้ว่าการก่อสร้างปรับปรุงคลองระบายน้ำ ร.1 ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างแต่ก็สามารถระบายน้ำได้ 1,000 ลบ.ม./วินาที เมื่อรวมกับคลองอู่ตะเภาซึ่งระบายน้ำได้ 465 ลบ.ม./วินาที จะระบายน้ำลงสู่ทะเลสาบสงขลาได้ถึงวันละ 104 ลบ.ม.” นายเฉลิมชัย กล่าว
นายเฉลิมชัย ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรับมือในช่วงมรสุมที่ใกล้จะถึงนี้ ว่า ขณะนี้ได้รับรายงานจากสำนักงานชลประทานที่ 16 ว่า ปัจจุบันมีปริมาณน้ำน้อยกว่าปี 2561 ร้อยละ 30 โดยฝนจะเริ่มตกชุกในพื้นที่จังหวัดสงขลา เดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคม เรื่องนี้ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะสำนักงานชลประทานที่ 16 ได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับน้ำหลากไว้แล้ว เช่น การขุดลอกคลองธรรมชาติ การกำจัดผักตบชวา การเตรียมเครื่องสูบน้ำ และการเตรียมเครื่องผลักดันน้ำ สำหรับช่วยในพื้นที่วิกฤตไว้เรียบร้อยแล้ว เชื่อจะรับมือต่อสถานการณ์ได้
ด้านนายประพิศ กล่าวว่า กรมชลประทานกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนเป็น 3 แนวทาง ได้แก่ 1. การเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำคลองระบายน้ำ ร.1 จากเดิมระบายน้ำได้ 465 ลบ.ม./วินาที เป็น 1,200 ลบ.ม./วินาที 2. การสกัดน้ำไม่ให้เข้าเมือง โดยการขุดคลองสายใหม่เพื่อตัดยอดน้ำก่อนไหลเข้าเมือง มีอัตราการระบาย 2,000 ลบ.ม./วินาที และ 3.การตัดยอดน้ำ โดยการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำจำนวน 5 แห่ง ความจุรวม 120 ล้าน ลบ.ม. ส่วนความคืบหน้างานก่อสร้างปรับปรุงคลองระบายน้ำ ร.1 พร้อมอาคารประกอบ ปัจจุบันงานก่อสร้างคืบหน้า ร้อยละ 60.2 ล่าช้ากว่าแผนงานร้อยละ 22.7 อย่างไรก็ตาม
จะกำชับผู้รับเหมาให้เร่งรัดการก่อสร้างให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป
#