‘รมช.ศธ’ ร่วมคณะประชุม ครม.สัญจรที่เชียงใหม่

0
580
image_pdfimage_printPrint

S__2760767

‘รมช.ศธ’ ร่วมคณะประชุม ครม.สัญจรที่เชียงใหม่ จัด “ครูน้อยสัญจร ตะลอนโรงเรียน” ในสังกัด

กำหนดการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) ครั้งที่ 2/2558 วันที่ 30 มิถุนายน 2558 ที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่ “บิ๊กน้อย” พลเอกสุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เดินทางถึงจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน ล่วงหน้าการประชุม ครม.สัญจร 1 วัน
ด้วยบุคลิกการทำงานเชิงรุกของ “บิ๊กน้อย” เมื่อมีเวลาว่างตามภารกิจหลักก่อนการประชุม ครม.สัญจร จึงจัดโปรแกรมรอบพิเศษ “ครูน้อยสัญจร ตะลอนโรงเรียน” นำคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานตามนโยบายกระทรวงศึกษาธิการและรัฐบาล รวมถึงสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่โรงเรียนในสังกัด สพฐ. จังหวัดเชียงใหม่
ที่โรงเรียนวัดสันกลางเหนือ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เมื่อคณะ “ครูน้อยสัญจรฯ” มาถึง นักเรียนได้ให้การต้อนรับด้วยการแสดงโชว์กลองสะบัดชัยอย่างอลังการ พร้อมมอบของที่ระลึกเพื่อเป็นการต้อนรับอย่างอบอุ่น สร้างความประทับใจแก่คณะเป็นอย่างยิ่ง
จากนั้นพลเอกสุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ ได้เยี่ยมชมการสาธิตการจัดการเรียนรู้ของโรงเรียน ได้แก่ การสาธิตในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางพัฒนาการทางสมอง (Brain Based Learning : BBL) ซึ่งใช้ความรู้ความเข้าใจที่เกี่ยวข้องกับสมองเป็นเครื่องมือในการออกแบบกระบวนการเรียนรู้และกระบวนการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างศักยภาพสูงสุดในการเรียนรู้ของมนุษย์ สู่การแก้ปัญหาอ่านออกเขียนได้ การเยี่ยมชมกิจกรรมการกระตุ้นกล้ามเนื้อสมองจากกิจกรรมเบรนยิม (Brain Gym) รวมถึงการสาธิต การจัดการเรียนการสอนโดยใช้สื่อทางไกล หรือการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV) ตามแนวทางการพัฒนาคุณภาพการศึกษาผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
พลเอกสุรเชษฐ์ บอกว่า โรงเรียนวัดสันกลางเหนือ เป็นโรงเรียนขนาดเล็กที่ประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากรครู จึงได้มีการนำโครงการการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมที่รับสัญญาณจากโรงเรียนไกลกังวลมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งผลการดำเนินงานที่ผ่านมาจนถึงวันนี้อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจมาก เด็กมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดีขึ้น เป็นรูปธรรมความสำเร็จของการดำเนินงานตามนโยบายและแผนงานที่ทางรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงการศึกษาธิการ ในเรื่องของการพัฒนาคุณภาพการศึกษาเพื่อสร้างความเป็นธรรมลดความเลื่อมล้ำ
“นอกจากนี้ จากการที่ทางรัฐบาลได้มีนโยบายให้พลิกโฉมโรงเรียน 1 ปี ที่แก้ปัญหาเด็กอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ มีการนำนโยบายมาปรับใช้ก็เกิดพัฒนาการที่ได้รับผลสำเร็จค่อนข้างดี ซึ่งถือได้ว่าเป็นเรื่องของการดำเนินการที่ได้ผลตอบรับดีและมีการพัฒนาการเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้คุณภาพการศึกษาเพิ่มสูงขึ้น” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้ข้อมูลเพิ่มเติม
ในวันเดียวกันนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้เดินทางต่อไปยังโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์เชียงใหม่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นโรงเรียนประเภทประจำกินนอนในสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สพฐ. ปัจจุบันจัดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับ ป.1-ม.6 ให้กับนักเรียนด้อยโอกาส 11 ประเภทในเขตพื้นที่บริการของโรงเรียน 12 อำเภอ จากโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 1
เมื่อไปถึงโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์เชียงใหม่ คณะครูน้อยสัญจรฯ ก็ต้องนิ่งอึ้งกับความสามารถของเด็กนักเรียนที่ ที่เริ่มด้วยการกล่าวต้อนรับ 3 ภาษาจากตัวแทนนักเรียน จากนั้นคณะฯ ได้เยี่ยมชมกิจกรรมและโครงการในแต่ละด้านของนักเรียน อาทิ เยี่ยมชมศูนย์แกนนำขยายเครือข่ายนักธุรกิจน้อยมีคุณธรรม นำสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์, เยี่ยมชมการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรของโรงเรียน และสวนเกษตรผสมผสาน, ชมผ้าปักชนเผ่าและชมห้องตัดเย็บเสื้อผ้า ชมห้องรวบรวมผลงานด้านกรีฑา รวมทั้งชมศูนย์กีฬายกน้ำหนักและชกมวยด้วย
พลเอกสุรเชษฐ์ กล่าวว่า นโยบายสำคัญของกระทรวงศึกษาธิการคือการพัฒนาการศึกษาเพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียมทางการศึกษา ที่โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์เชียงใหม่เป็นตัวอย่างที่ดีของสถานศึกษาสร้างความเท่าเทียมกันให้เด็กด้อยโอกาสทุกประเภท ให้สามารถเข้าถึงการศึกษาได้ตามศักยภาพ ความชอบ ความถนัดของนักเรียนแต่ละคน มีการส่งเสริมความสามารถพิเศษให้แก่นักเรียนจนสามารถเป็นตัวแทนไปแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 2015 ที่ผ่านมา
หลังเสร็จสิ้นภารกิจ“ครูน้อยสัญจร ตะลอนโรงเรียน” ตรวจเยี่ยมและติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานตามนโยบายกระทรวงศึกษาธิการและรัฐบาล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้กล่าวเน้นย้ำว่า การดำเนินงานตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการและรัฐบาล เพื่อนำไปสู่มิติใหม่การศึกษา เดินหน้าประเทศไทยอย่างแท้จริงนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการศึกษาต้องเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่เด็กทุกคนต้องมีโอกาสได้เข้าถึงอย่างเท่าเทียม
“เพราะโอกาสทางการศึกษา สามารถเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนได้” พลเอกสุรเชษฐ์กล่าวทิ้งท้าย