1

ยูนิเวอร์แซล โรบอทส์จับมือกับนิสสัน มอเตอร์ เพื่อยกระดับกำลังการผลิตโดยใช้หุ่นยนต์ที่สามารถปฏิบัติงานร่วมกับมนุษย์ได้

นิสสัน มอเตอร์ปรับกระบวนการผลิตให้ง่ายขึ้น ลดค่าแรง และรักษาคุณภาพงานผลิตให้มีเสถียรภาพโดยการใช้ โคบอทส์(cobots) รุ่น UR10 ของยูนิเวอร์แซล โรบอทส์

กรุงเทพฯ 7 เมษายน 2560 – บริษัทพัฒนาและผลิตหุ่นยนต์ชั้นนำ ยูนิเวอร์แซล โรบอทส์ ได้ประกาศว่า บริษัท นิสสัน มอเตอร์ ได้ประสบความสำเร็จในการนำแขนหุ่นยนต์รุ่น UR10 ของยูนิเวอร์แซล โรบอทส์ไปติดตั้งใช้งานที่โรงงานในโยโกฮามาประเทศญี่ปุ่น โดยก่อนหน้านี้ มีบริษัทผู้ผลิตยานยนต์ชั้นนำของโลก ได้แก่ บีเอ็มดับเบิ้ลยูและโฟล์กสวาเกน ซึ่งได้นำหุ่นยนต์ที่สามารถปฏิบัติงานร่วมกับมนุษย์ได้ หรือ โคบอทส์ (Collaborative Robots: Cobots) ของยูนิเวอร์แซล โรบอทส์ไปใช้ในกระบวนการผลิตอัตโนมัติแล้ว หลังจากที่นำ Cobots ของยูนิเวอร์แซล โรบอทส์ไปติดตั้งใช้งาน กระบวนการผลิตของนิสสันก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ส่งผลให้สามารถผลิตชิ้นงานได้มากขึ้นและมีเสถียรภาพมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ช่วยประหยัดเวลาและลดต้นทุน ช่วยให้กำลังคนของนิสสันที่มีอายุมากขึ้นได้มีภาระงานที่ต้องรับผิดชอบน้อยลงและหมุนเวียนไปปฏิบัติงานที่ใช้แรงงานน้อยลงได้

เชอร์มิน ก็อตเฟรดเซ็น ผู้จัดการใหญ่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมงานกับนิสสันในการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตของนิสสันให้เป็นระบบอัตโนมัติ อุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลกมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการนำโคบอทส์ ไปประยุกต์ใช้เพื่อผลิตชิ้นงานที่มีคุณภาพดีขึ้น และนับว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้ผู้เล่นในอุตสาหกรรมนี้ยังคงมีความสามารถในการแข่งขันในการตลาด ซึ่งยูนิเวอร์แซล โรบอทส์เป็นผู้นำเทรนด์นี้ โคบอทส์สามารถช่วยส่งเสริมกระบวนการผลิตอัตโนมัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยและช่วยลดความตึงเครียดของพนักงานได้ โดยโคบอทส์ของเราไม่เพียงแต่สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานในอุตสาหกรรมยานยนต์เท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปใช้ในการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ไฟฟ้า เภสัชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ อาหาร รวมไปถึงสินค้าการเกษตรได้อีกด้วย”

โคบอทส์เป็นสาขาหนึ่งที่แตกแขนงมาจากอุตสาหกรรมหุ่นยนต์สมัยดั้งเดิม โคบอทส์ มีน้ำหนักเบาและสามารถนำไปใช้งานได้สะดวก และมีความยืดหยุ่นในการดัดแปลงเพื่อนำไปประยุกต์ใช้งานในด้านต่างๆ อุตสาหกรรมยานยนต์ใช้โคบอทส์ในกระบวนการต่างๆ ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการหยิบจับ การประกอบ การบรรจุ การจัดเรียง การติดฉลาก การทาสี การควบคุมคุณภาพ และการโหลดเครื่องจักร มูลค่าการตลาดของหุ่นยนต์ที่ทำงานร่วมกับมนุษย์ได้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ในปี 2558 อยู่ที่ 23.56 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดการณ์ว่าจะพุ่งขึ้นถึง 469.82 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2564 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ในระดับ 64.67% ในระหว่างปี 2558 ถึง 2564

กำเนิดหุ่นยนต์ที่สามารถปฏิบัติงานร่วมกับมนุษย์ได้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ประเทศไทย
อุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พร้อมที่จะเติบโตในอัตราสูง โดยมีตลาดขนาดใหญ่ซึ่งมีอัตราการเติบโตของยอดขายที่สำคัญ เนื่องจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญของทวีปเอเชียและของโลก ดังนั้น อุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จึงมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ในระดับ 11% ในระหว่างปี 2553 ถึง 2558 การเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียนในอีกไม่นานนี้ คาดว่าจะทำให้ภาษีนำเข้าและส่งออกในภูมิภาคนี้ต่ำลง ซึ่งจะส่งผลให้มีความต้องการยานยนต์ที่คุ้มค่าและผลิตภายในภูมิภาคนี้สูงยิ่งขึ้น

ประเทศไทยและอินโดนีเซียเป็นศูนย์กลางการผลิตที่มีความสะดวกเป็นพิเศษในการผลิตยานยนต์เพื่อส่งออกภายในภูมิภาคนี้ รวมถึงภายในทวีปเอเชียและในระดับโลก อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยคิดเป็นประมาณ 12% ของค่า GDP ทั้งประเทศ ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐาน และมีโครงข่ายบริษัทที่ครอบคลุมห่วงโซ่อุปทานซัพพลายเชน (Supply Chain)ในการผลิตรถยนต์ จึงทำให้ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตยานยนต์อันดับต้นๆ โดยมีส่วนแบ่งตลาดในภูมิภาคนี้ถึง 49% และเนื่องจากว่ามีความต้องการกำลังการผลิตที่สูงขึ้น ดังนั้น อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยจึงกำลังเข้าสู่กระบวนการผลิตอัตโนมัติโดยใช้หุ่นยนต์ที่สามารถปฏิบัติงานกับมนุษย์ได้ในงานอุตสาหกรรม

แขนหุ่นยนต์รุ่น UR10 ที่บริษัท นิสสัน มอเตอร์
บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำเป็นต้องยกระดับกระบวนการผลิตของโรงงานในโยโกฮามาซึ่งเป็นโรงงานขนาดใหญ่ นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังจำเป็นต้องบริหารจัดการค่าแรงของกำลังคนที่มีอายุมากขึ้นและการสูญเสียบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ

คุณนากามูระ หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญฝ่ายเครื่องยนต์ของโรงงาน กล่าวว่า “เราจำเป็นต้องใช้หุ่นยนต์ขนาดใหญ่มากพอที่จะยก ส่วนควบรถยนต์ท่อร่วมไอดี (Intake Manifolds) ขนาดใหญ่ได้ ซึ่งมีขนาดถึง 6 กิโลกรัม เมื่อเปรียบเทียบกับหุ่นยนต์ของบริษัทอื่นๆ แล้ว เราจึงเลือกรุ่น UR10 เนื่องจากความได้เปรียบในแง่ของราคาสำหรับหุ่นยนต์ตัวเดียว รวมไปถึงความสามารถในเรื่องการรับน้ำหนักได้ดีด้วย ในกระบวนการติดตั้งท่อร่วมไอดีนั้น มีเพียงแขนหุ่นยนต์รุ่น UR10 ที่สามารถรองรับน้ำหนักได้ถึง 10 กิโลกรัมเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เราพิจารณา”

โคบอทส์ของยูนิเวอร์แซล โรบอทส์เป็นแขนหุ่นยนต์ที่สามารถปฏิบัติงานร่วมกับมนุษย์ได้ในงานอุตสาหกรรม ซึ่งสามารถใช้ในกระบวนการผลิตอัตโนมัติซึ่งรองรับน้ำหนักได้ถึง 10 กิโลกรัม และงานที่ต้องอาศัยความละเอียด แม่นยำ และความไว้วางใจได้ โคบอทส์ออกแบบมาให้มีรัศมีเอื้อมถึง 1300 มิลลิเมตรหรือประมาณ1.3 เมตร จึงสามารถทำงานในพื้นที่กว้างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และสามารถประหยัดเวลาในสายการผลิตที่มีระยะทางเป็นปัจจัยสำคัญได้ โคบอทส์ของยูนิเวอร์แซล โรบอทส์สามารถตั้งโปรแกรมและตั้งค่าได้ง่าย โดยออกแบบมาให้เป็นเครื่องมือสำหรับทำงานร่วมกับมนุษย์ เพื่อให้การทำงานที่สลับซับซ้อนกลายเป็นงานที่ง่ายและสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น หรือเป็นงานที่ต้องอาศัยความแข็งแกร่งทางร่างกายมากๆ

หลังจากที่พิจารณาเรื่องความปลอดภัยและคุณสมบัติต่างๆ ที่ต้องการแล้ว นิสสันจึงตัดสินใจใช้แขนหุ่นยนต์รุ่น UR10 ที่สามารถติดตั้งและตั้งโปรแกรมได้ง่าย และพร้อมใช้งานได้ภายใน 1 สัปดาห์ เมื่อนำแขนหุ่นยนต์รุ่น UR10 มาใช้งานที่นิสสันแล้ว พบว่าช่วยลดเวลาในการผลิตลงได้ ตลอดจนช่วยให้พนักงานไม่ต้องทำงานเดิมๆ ซ้ำซากจำเจ และไปทำงานในสายการผลิตอื่นเพื่อสั่งสมประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์แทน

คุณโอนิชิ หัวหน้าแผนกเครื่องยนต์ย่อย กล่าวว่า “เราสามารถตอบสนองต่อความล่าช้าในการผลิตได้อย่างฉับไว เนื่องจากเราสามารถเคลื่อนย้าย UR10 ได้อย่างสะดวกไปใช้งานในกระบวนการใดก็ได้ภายในโรงงานที่พบว่าเกิดปัญหา เราวางแผนที่จะใช้ โคบอทส์ เพิ่มเติมโดยผสานสมรรถนะของโรงงานเข้ากับความสามารถด้านวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งจะเพิ่มระดับการใช้ โคบอทส์ของเราให้มากยิ่งขึ้น”
หากต้องการรับชมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการที่บริษัท นิสสัน มอเตอร์ใช้หุ่นยนต์รุ่น UR10 โปรดคลิกที่นี่ เพื่อดูคลิปวีดีโอ

– จบ –

เกี่ยวกับยูนิเวอร์แซล โรบอทส์
ยูนิเวอร์แซล โรบอทส์ (Universal Robots) เป็นผลลัพธ์ของการศึกษาวิจัยมานานหลายปีของศูนย์หุ่นยนต์ที่ประสบความสำเร็จแห่งหนึ่งในประเทศเดนมาร์กซึ่งตั้งอยู่ในเมืองโอเดนซ์ เอสเบน ออสเตอร์การ์ด CTO ของบริษัทยูนิเวอร์แซล โรบอทส์ ได้ร่วมก่อตั้งบริษัทขึ้นเมื่อปี 2548 โดยต้องการทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีหุ่นยนต์ได้ โดยพัฒนาหุ่นยนต์อุตสาหกรรมขนาดเล็ก ใช้งานง่าย ราคาสมเหตุสมผล ยืดหยุ่นการทำงานได้ ซึ่งสามารถทำงานด้วยตัวเองและทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างปลอดภัย เพื่อยกระดับกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์ของบริษัทประกอบด้วยแขนหุ่นยนต์รุ่น UR3, UR5 และ UR10 ซึ่งตั้งชื่อรุ่นตามน้ำหนักที่รับในหน่วยกิโลกรัม นับตั้งแต่ที่เปิดตัวหุ่นยนต์ UR ตัวแรกเมื่อเดือนธันวาคม 2551 บริษัทก็เติบโตรุดหน้าอย่างรวดเร็ว โดยในปัจจุบันนี้ได้จำหน่ายหุ่นยนต์ที่ใช้งานง่ายนี้แล้วในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก หุ่นยนต์ UR มีระยะเวลาคืนทุนเร็วที่สุดในวงการ โดยเฉลี่ยอยู่ภายใน 12 เดือน บริษัทฯ มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองโอเดนซ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทเทราไดน์ อิงค์ ในเมืองบอสตัน และมีบริษัทในเครือและสำนักงานประจำภูมิภาคตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา สเปน เยอรมนี สิงคโปร์ เช็ครีพลับลิค อินเดีย และจีน ยูนิเวอร์แซล โรบอทส์มีพนักงานทั่วโลกกว่า 300 คน
สามารถรับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.universal-robots.com, http://www.universal-robots.com/plus/ และบล็อกของบริษัท

ข่าวประชาสัมพันธ์ของยูนิเวอร์แซล โรบอทส์
http://www.universal-robots.com/media/press-kit/

สำหรับสื่อมวลชน หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
คุณกิตติมา เศรษฐี 081-8262399, kittima@brandnow.asia
คุณคเชนทร์ แสงสุข(เชน) 091-8589912, event@brandnow.asia
คุณลิสนารี วิชิตสรสาตร (วินดี้) 085-3573635, info@brandnow.asia
คุณนภาพร สาตรจำเริญ (แจน) 099-2584428, pr@brandnow.asia
บริษัท แบรนด์นาว จำกัด www.brandnow.asia โทรศัพท์: +66 2 662 5622