ยูนิเวนเจอร์ โชว์ไตรมาสสองโต 17% รุกธุรกิจให้คำปรึกษา – บริหารงานก่อสร้าง

0
346
image_pdfimage_printPrint

UV

บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV เผยผลประกอบการไตรมาส 2/2559 มีรายได้รวม 3,973.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2558 ทำให้ช่วงครึ่งปีแรกมีรายได้รวม 7,677.8 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 532.6 ล้านบาท มียอดขายรอรับรู้รายได้ 6,224 ล้านบาท พร้อมส่งอีก 8 โครงการ ลุยตลาดอสังหาฯ

นายวรวรรต ศรีสอ้าน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/2559 ว่า บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 3,973.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน 577.6 ล้านบาท หรือมีการเติบโต 17% โดยมีรายได้หลักมาจากกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 3,314.6 ล้านบาท คิดเป็น 83% ของรายได้รวม แบ่งเป็นรายได้จากโครงการแนวสูง มูลค่ารวม 728.7 ล้านบาท และมาจากโครงการแนวราบ มูลค่ารวม 2,585.9 ล้านบาท

“ปัจจุบันบริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้รวมทั้งสิ้น 6,224 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 2,449 ล้านบาท และโครงการแนวสูง 3,775 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ของภาครัฐ รวมถึงการจัดโปรโมชั่นต่าง ๆ อาทิ อยู่ก่อนซื้อ, ลงทุนก็ like อยู่อาศัยก็ love

โดยช่วงครึ่งปีหลังของปี 2559 คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากยอดขายรอรับรู้ของโครงการแนวราบ และโครงการแนวสูงได้ประมาณ 4,537 ล้านบาท ส่วนยอดขายรอรับรู้ที่เหลืออีกจำนวน 1,687 ล้านบาทจะทยอยรับรู้ในปี 2560”

“สำหรับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่ามีรายได้ 303.0 ล้านบาท คิดเป็น 8% ของรายได้รวม ลดลงจากปีที่แล้ว จำนวน 70.8 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทย่อย 2 บริษัทได้นำอาคารสำนักงานปาร์คเวนเจอร์ อีโคเพล็กซ์(ไม่รวมพื้นที่ส่วนโรงแรม ดิโอกุระฯ) และอาคารสำนักงาน สาทร สแควร์ เข้าทำสัญญาเช่าพื้นที่อาคารสำนักงาน สิ่งปลูกสร้าง รวมถึงสัญญาแบ่งเช่าช่วงที่ดิน อาคารพร้อมทั้งส่วนควบและงานระบบ กับทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โกลเด้นเวนเจอร์ (“GVREIT”) โดยได้รับเงินจำนวนทั้งสิ้น 9,761 ล้านบาท ซึ่งได้บันทึกเป็นรายได้สิทธิการเช่ารอตัดบัญชีและทยอยรับรู้รายได้ตลอดอายุสัญญาเช่าโดยวิธีเส้นตรง โดยรายได้ดังกล่าวมาจากอาคารสำนักงานเกรดเอ “ปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์” จำนวน 37.8 ล้านบาท และอาคารสาทร สแควร์ ออฟฟิศ ทาวเวอร์ โรงแรมและเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ ของกลุ่มแผ่นดินทอง จำนวน 265.2 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีกลุ่มธุรกิจผลิตสังกะสีออกไซด์ 283.5 ล้านบาท คิดเป็น 7% ของรายได้รวม โดยมียอดขาย 4,149 เมตริกตัน” นายวรวรรต กล่าว

นายวรวรรต กล่าวเสริมถึงอีกว่า บริษัทฯ ได้มีมติเข้าร่วมลงทุนผ่านการซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด หรือ STI ผู้ให้บริการคำปรึกษาและบริหาร ควบคุมงานก่อสร้างอย่างครบวงจรจาก ผู้ถือหุ้นเดิมเป็นสัดส่วน 35% หรือจำนวน 350,000 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 400 ล้านบาท โดยการร่วมลงทุนครั้งนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจได้ในอนาคต

“นอกจากนี้ ยังมีแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในครึ่งหลังปี 2559 อีก 8 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวสูง 1 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 963 ล้านบาท และโครงการแนวราบของกลุ่มบริษัทแผ่นดินทองอีก 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 8,201 ล้านบาท คาดว่าจะทำให้มีรายได้ตรงตามเป้าอย่างแน่นอน” นายวรวรรต กล่าวตอนท้าย