ผู้บริหารมหาวิทยาลัยบูรพา พร้อมด้วยคณบดีกว่า 90% ร่วมเป็นสักขีพยานแถลงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีการแต่งตั้ง ศ.นพ.สมพล พงศ์ไทย เป็นผู้รักษาการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยบูรพา ณ อาคาร 50 ปี มหาวิทยาลัยบูรพา
ดร.ฤทธิกร ศิริประเสริฐโชค ผู้รักษาการแทนอธิการบดีในฐานะผู้ได้รับมอบหมายจากผู้รักษาการแทนอธิการบดีและได้รับอนุญาตจากนากยกสภามหาวิทยาลัย กล่าวว่า สาเหตุที่สภามหาวิทยาลัยไม่พิจารณาเลือกเสนอชื่อเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ จากรายชื่อ 3 ราย เนื่องจากการแต่งตั้งกรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก 3 คนให้เป็นกรรมการสรรหาอธิการบดีนั้น มีการบล็อกโหวต คือนัดแนะชักจูงกรรมการสภาให้เลือกบุคคลที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า มีหลักฐานเป็นข้อความ SMS ที่ส่งให้กันทางโทรศัพท์ ซึ่งข้อมูลไม่ปรากฏว่าใครเป็นผู้ส่ง แต่จากผลจากลงคะแนนลับเลือกกรรมการ 3 คนเป็นกรรมการสรรหาอธิการบดี ก็เป็นบุคคล 3 คน ตามรายชื่อใน SMS นั้น และได้มีการทักท้วงเรื่องนี้ในที่ประชุมสภา นอกจากนี้ ศ.ดร.สุชาติ อุปถัมภ์ เคยเป็นกรรมการสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ได้มาเป็นประธานกรรมการสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยบูรพาและได้มาสมัครเข้ารับการสรรหาเป็นอธิการบดีด้วย ลักษณะเช่นนี้เป็นสถานะที่นำพาไปสู่ผลประโยชน์ทับซ้อนได้ แต่กรรมการสรรหาและนายกสภาในขณะนั้นปฏิเสธการพิจารณาข้อทักท้วงเหล่านี้และให้ดำเนินการสรรหาต่อไป อีกทั้งคณะกรรมการสรรหาได้กำหนดน้ำหนักคะแนนคุณลักษณะอธิการบดี 4 ด้านคือ คุณธรรม 30 คะแนน ด้านบริหาร 40 คะแนน ด้านความเป็นผู้นำ 20 คะแนน ด้านมนุษยสัมพันธ์ 10 คะแนน แต่มิได้กำหนดวิธีการวัดและพิจารณาคุณสมบัติเหล่านี้ให้เป็นรูปธรรม จึงได้มีการทักท้วงอีกจากกลุ่มคณบดี รองคณบดี และบุคลากรมหาวิทยาลัย แต่คณะกรรมการสรรหาได้ดำเนินการสรรหาต่อไปโดยเพิกเฉยต่อข้อแนะนำในการสรรหาอธิการบดี
อย่างไรก็ตามการสรรหาอธิการบดีคนใหม่ ทางสภามหาวิทยาลัยได้เริ่มกระบวนการพิจารณาเพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาใหม่ตั้งแต่รอบการประชุมเดือนกรกฎาคม 2557 เรื่อยมารวม 4 ครั้ง แต่มีอุปสรรค คือ ขาดองค์ประกอบคณะกรรมการสรรหาอีก 1 คนที่ต้องเลือกจาก 3 คน เพราะมี 2 ใน 3 คนปฏิเสธที่จะเลือก จนถึงการประชุมรอบเดือนกันยายน 2557 ประธานกรรมการสรรหาชุดเดิม ศ.ดร.ธีรวุฒิ บุญยโสภณ สภามหาวิทยาลัย ระบุถึง 2 ครั้งในการประชุมว่า ผู้รักษาการแทนอธิการบดีที่สภามหาวิทยาลัยมีมติแต่งตั้งแล้วนั้นถูกต้องตามกฎหมาย และสามารถปฏิบัติหน้าที่ของอธิการบดีโดยมีอำนาจเทียบเท่ากับอธิการบดีตามกฎหมาย ภารกิจของมหาวิทยาลัยยังคงดำเนินการไปได้ตามปกติ และเห็นสมควรให้ชะลดการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาฯชุดใหม่ จนกว่าศาลปกครองระยองจะมีคำพิพากษาในคดีปกครองก่อน คดีดังกล่าวเป็นคดีที่บุคคล 3 คนข้างต้นฟ้องขอเพิกถอนมติที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยและมิให้สภาดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับการสรรหาอธิการบดีคนใหม่ ซึ่งนายกสมาคมศิษย์เก่า ดร.สาธิต ปิติวรา ซึ่งเป็นกรรมการสรรหาชุดเดิมด้วยนั้นก็ให้การสนับสนุนความเห็นของ ศ.ดร.ธีรวุฒิ จึงมีมติให้ชะลอการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาฯชุดใหม่ไว้ก่อน
จากข้อมูลทั้งหมดจะเห็นว่าการสรรหาอธิการบดีเป็นเรื่องของสภามหาวิทยาลัย ที่อยู่เหนือและแยกต่างหากจากมหาวิทยาลัย การที่มีกลุ่มบุคคลออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องการสรรหาอธิการบดีตามข่าวนั้น ท่านเหล่านั้นกำลังกดดันและสร้างความไม่สบายใจให้แก่กรรมการสภา ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิและผู้อาวุโสในบ้านเมืองทั้งสิ้น อีกทั้งยังมีท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือที่เป็นผู้บริหารสูงสุดของสถาบันอุดมศึกษาอีกแห่งหนึ่ง
การเคลื่อนไหวเช่นนี้ถือว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะอาจสร้างความเข้าใจผิดระหว่างมหาวิทยาลัยได้ และผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านล้วนอุทิศตนมาเพื่อมหาวิทยาลัย เพื่อนิสิต เพื่อสังคม มุ่งหวังในการช่วยพัฒนาประเทศชาติ และเป็นการตอบแทนคุณแผ่นดิน ท่านเหล่านี้ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ได้รับเงินเดือน และไม่มีผลประโยชน์พิเศษใดๆ กรรมการทุกท่านมุ่งมั่นทำงานหนักเพื่อนิสิต บุคลากร และสังคมอย่างแท้จริง กลุ่มบุคคลที่ออกมาเคลื่อนไหวนี้ก็น่าจะทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดเป็นอย่างดีแล้ว ไม่แน่ใจว่ามีวัตถุประสงค์ที่แท้จริงอย่างไร จึงออกมาเคลื่อนไหวและทำตัวเองให้เป็นข่าวเช่นนี้
ตลอดระยะเวลาทั้งก่อนและหลังการแต่งตั้งผู้รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยไม่มีความเสียหาย ความแตกแยกหรือแตกความสามัคคีใดๆ ผู้บริหารและบุคลากรปฏิบัติหน้าที่กันตามปกติ ทุกคนร่วมกันดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัย และคณบดีต่างร่วมมือกันบริหารงานของแต่ละคณะวิชาอย่างต่อเนื่องและมีผลงานการบริหารเป็นที่ประจักษ์นำพาให้มหาวิทยาลัยบูรพามีพัฒนาการตามเป้าหมาย มีแผนที่ชัดเจน ท่านเป็นผู้ที่มีความสามารถ มีวิสัยทัศน์ และยึดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงแห่งตนเป็นที่ตั้ง จากผู้ปฏิบัติงานทั้งสิ้นประมาณ 3,400 คน และนิสิตรวมทั้งสิ้นประมาณ 48,000 คน รวมประชาคมกว่า 50,000 คน และจากการสำรวจผลงานของทุกส่วนงานรวมกันครั้งล่าสุดพบว่า ดัชนีความสุขนิสิต 3.95 จาก 4 และดัชนีความสุขของผู้ปฏิบัติงานอยู่ที่ 3.44 จาก 4 นอกจากนี้ ระหว่างการบริหารงานของ ศ. นพ.สมพล พงศ์ไทย มหาวิทยาลัยบูรพามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเปรียบเทียบตั้งแต่ปีงบประมาณ 2553 ถึงปี 2557 คิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 2,600 ล้านบาท และปีงบประมาณล่าสุด มหาวิทยาลัยมีผลงานจากการจดสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตรหรืองานสร้างสรรค์รวม 6 ชิ้น ซึ่งสูงกว่าค่าเป้าหมาย (3 ชิ้น) 200% สามารถบรรลุเป้าหมายความพึงพอใจของนายจ้างที่มีต่อผู้สำเร็จการศึกษาสูงถึงร้อยละ 92.08 และบรรลุเป้าหมายดัชนีคุณภาพบทความวิจัย 510% จากข้อมูลดังกล่าวจึงเป็นสิ่งยืนยันถึงความชัดเจนของความสำเร็จของมหาวิทยาลัยบูรพาจากการบริหารงานของ ศ.นพ. สมพล พงศ์ไทย