ภาครัฐและเอกชนเดินหน้าจัดงาน คอนกรีต เอเชีย 2017หนุนอุตสาหกรรมก่อสร้างโต

0
410
image_pdfimage_printPrint

สมาคมคอนกรีตแห่งประเทศไทยร่วมกับ อิมแพ็ค เดินหน้าจัดงาน คอนกรีต เอเชีย 2017ตอบโจทย์อุตสาหกรรมก่อสร้างเติบโตในยุค IOT เผยแนวโน้มการความต้องการใช้งานและความท้าทายในอุตสาหกรรมคอนกรีตของประเทศเพิ่มสูงขึ้นตามปริมาณโครงการก่อสร้างของทั้งภาครัฐและเอกชน ที่มีเงินลงทุนหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 2.2 ล้านล้านบาท

ผศ.ดร.ณัฐพงศ์ มกระธัช เลขาธิการ สมาคมคอนกรีตแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงความต้องการใช้ซีเมนต์และคอนกรีตในปี 2560 มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ผลจากโครงการก่อสร้างต่างๆ ของทั้งภาครัฐและเอกชนที่กำลังก่อสร้างรวมถึงที่จะเกิดขึ้น โดยมีเงินลงทุนหมุนเวียนรวมไม่ต่ำกว่า 2.2 ล้านล้านบาท เช่นตึกมหานครที่มีความสูง 314 เมตรใช้คอนกรีตทั้งหมด 96,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งในปัจจุบันถือว่าสูงที่สุดในประเทศไทย แต่ในอนาคตอาจจะไม่ใช่เพราะมีอีกหลายโครงการที่ท้าทายวงการก่อสร้าง แต่ทีมวิศวกรก็สามารถตอบโจทย์เกี่ยวกับโครงการที่เป็นโครงสร้างขนาดใหญ่ได้ ส่งผลให้นักลงทุนมีความมั่นใจที่จะให้วิศวกรคนไทยพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ อาทิโครงการซุปเปอร์ ทาวเวอร์ ตรงพระราม 9 คาดว่าจะสร้างเสร็จอีกภายใน 2-3 ปี มีความสูงอยู่ที่650 เมตร ใช้คอนกรีตประมาณ 260,000ลูกบาศก์เมตร หากตึกนี้สร้างเสร็จจะเป็นตึกที่สูงที่สุดในประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียนต่อด้วยลุมพินี พาร์ค ในโครงการ One Bangkok ความสูง 450 เมตรใช้คอนกรีตประมาณ 800,000 ลูกบาศก์เมตร หากตึกนี้เสร็จก่อน ซุปเปอร์ ทาวเวอร์ ก็จะเป็นตึกที่สูงที่สุดในไทยต่อจากตึกมหานคร

ในส่วนของโครงการรัฐบาล ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิส่วนต่อขยาย มีปริมาณการใช้คอนกรีต 130,000ลูกบาศก์เมตร และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวหมอชิต-คูคต โครงการนี้ใช้คอนกรีตประมาณ 950,000 ลูกบาศเมตรแต่ละโครงการที่รัฐบาลสนับสนุนและผลักดันล้วนเป็นตัวกระตุ้นทำให้ภาคเอกชนลงทุนทางด้านอสังหาริมทรัพย์รองรับมากขึ้นเช่น คอนโดมิเนียม บ้านจัดสรรแนวรถไฟฟ้า จากโครงการเหล่านี้เชื่อมั่นได้เลยว่าใน 3 ปีนี้ปริมาณการใช้ซีเมนต์และคอนกรีตในประเทศไทยต้องมีประมาณที่สูงขึ้นต่อเนื่อง

ด้าน ดร.พิชัย นิมิตยงสกุล ประธานกรรมการที่ปรึกษาสมาคมคอนกรีตประเทศไทยกล่าวว่า จากการขยายตัวของโครงการก่อสร้างทั้งการลงทุนโดยภาครัฐและเอกชนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทางสมาคมคอนกรีตประเทศไทยจึงได้วางแนวทางสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมคอนกรีตในอนาคตควบคู่กันโดยกำหนด 4 ข้อหลัก คือ 1.ต้องลดมลพิษ2.ลดค่าใช้จ่าย 3. แก้ปัญหาคอนกรีตหมดสภาพ และสุดท้ายความท้าทายในเรื่องของความสูง หรือการออกแบบของแต่ละอาคาร ต้องนำเอาเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้แต่ที่สำคัญต้องใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับประเทศไทย ซึ่งเป็นการเปลี่ยนไปสู่ยุค IOT หรือ อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet of Things) หมายถึง เครือข่ายของวัตถุ อุปกรณ์ พาหนะ สิ่งปลูกสร้าง และสิ่งของอื่นๆ ที่มีวงจร อิเล็กทรอนิกส์ ทำให้สามารถผสานโลกกายภาพกับระบบคอมพิวเตอร์ได้แนบแน่นมากขึ้น ผลที่ตามมาคือประสิทธิภาพ ความแม่นยำ และประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม จากการเติบโตของอุตสาหกรรมคอนกรีตสมาคมคอนกรีตประเทศไทยได้ให้การสนับสนุนบริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ในการจัดงาน CONCRETE ASIA 2017 หรืองานแสดงเทคโนโลยีเครื่องจักรและการสัมมนาวิชาการนานาชาติด้านคอนกรีตระดับเอเชีย รวบรวมนวัตกรรมคอนกรีตจากทั่วโลกมาไว้ในงานเดียวให้ผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมก่อสร้างและผู้พัฒนาสินค้าได้พบปะแลกเปลี่ยนความรู้และเจรจาธุรกิจ ในวันที่ 20-22 กันยายน 2560 ณ อาคาร 5ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็คเมืองทองธานี