กระทรวงพลังงาน โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ชี้แจงเรื่อง การเก็บค่าธรรมเนียมการส่งออก LPG เพื่อต้องการให้เกิดการแข่งขันด้านการจัดหา สร้างตลาดค้าปลีกในประเทศ และป้องกันไม่ให้เกิดการขาดแคลน
ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากกลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรียกร้องให้ มีการทบทวนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการส่งออกก๊าซ LPG ที่เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในอัตราคงที่ 20 เหรียญสหรัฐ/ตัน หรือประมาณ 0.70 บาท/กก. นั้น ทางกระทรวงพลังงาน โดย สนพ. ขอชี้แจงว่า เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นของการเปิดเสรีธุรกิจก๊าซ LPG เพื่อส่งสัญญาณให้เกิดการแข่งขันในการจัดหาเพื่อผู้บริโภคในประเทศเป็นสำคัญ คือ ให้ผู้ผลิตก๊าซ LPG ในประเทศมุ่งเน้นแข่งขันด้านราคากับผู้นำเข้า และต้องการให้เกิดการสร้างตลาดค้าปลีกในประเทศ ที่มีคุณภาพการบริการที่ดีขึ้น คือ ให้ผู้ผลิตก๊าซ LPG ควรทำการตลาดแข่งกับผู้ค้ารายอื่นๆ อีกทั้งเพื่อไม่ให้เกิดภาวะการขาดแคลน จึงมีแนวความคิดที่จะเสนอให้มีการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากการส่งออกก๊าซ LPG ในอัตราประมาณ 20 เหรียญสหรัฐ/ตัน สำหรับกรณีที่ขอส่งออกโดยไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า อีกทั้ง สนพ. เชื่อว่าอัตราที่เสนอไว้นั้นไม่ได้เป็นอัตราที่สูงแต่อย่างใด
ทั้งนี้ การเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงตามมาตรการดังกล่าว เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวเพื่อป้องกันการละเลยการทำตลาดในประเทศ และเพื่อป้องกันการผลิตก๊าซ LPG ที่มุ่งเน้นการส่งออกแต่เพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะกรณีเป็นก๊าซ LPG ที่แจ้งต่อกรมธุรกิจพลังงานว่าจะขายในประเทศ แต่ต่อมาเปลี่ยนใจส่งออก
“หากกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันตั้งใจที่จะขายในประเทศอยู่แล้วก็ไม่น่าจะมีข้อกังวลเรื่องค่าธรรมเนียมการส่งออก อีกทั้งโรงกลั่นฯ เป็นกิจการขนาดใหญ่ซึ่งต้องมีแผนการบริหารจัดการสินค้าที่ชัดเจนอยู่แล้ว และหากแจ้งแผนดังกล่าวต่อกรมธุรกิจพลังงานไว้ให้เป็นที่แน่ชัด ก็ไม่น่าจะมีความเสี่ยงที่ต้องเสีย 20 เหรียญสหรัฐ/ตัน เพื่อการส่งออก” ดร.ทวารัฐ กล่าวในท้ายที่สุด