ผลวิจัยใหม่เผยให้เห็นว่า สัตว์เลี้ยงช่วยส่งเสริมทักษะการเข้าสังคมและเสริมสร้างความมั่นใจในตัวเองให้กับเด็กๆ
ผลการวิจัยล่าสุดที่ได้รับการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ระบุว่า การเติบโตมาพร้อมกับสัตว์เลี้ยงจะเป็นประโยชน์ต่อเด็กและวัยรุ่นทั้งในด้านสังคม อารมณ์ และการศึกษา โดยเด็กและวัยรุ่นที่เติบโตมาพร้อมสัตว์เลี้ยงมีแนวโน้มว่าจะมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น รู้สึกโดดเดี่ยวน้อยลง และมีทักษะการเข้าสังคมมากขึ้น นับเป็นการตอกย้ำว่า สัตว์เลี้ยงช่วยกระตุ้นพัฒนาการของเด็กได้เป็นอย่างดี
(รูปภาพ: http://mma.prnewswire.com/media/471523/Family_pets_child_development.jpg )
ดร.คาร์รี เวสต์การ์ธ ผู้นำการวิจัย เปิดเผยว่า “ใครก็ตามที่รักและเติบโตมาพร้อมกับสัตว์เลี้ยง จะรู้สึกถึงคุณค่าของความเป็นเพื่อนที่มีอยู่ในสัตว์เลี้ยง หลักฐานทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับประโยชน์ของสัตว์เลี้ยงที่มีต่อเด็กและวัยรุ่นดูน่าสนใจมาก เราจึงศึกษาลึกลงไปเพื่อทำความเข้าใจว่า ประโยชน์ข้อใดที่ได้รับการส่งเสริมมากที่สุด ซึ่งท้ายที่สุดจะทำให้เราเข้าใจมากขึ้นว่า สัตว์เลี้ยงช่วยส่งเสริมเด็กๆ ทั้งทางด้านสังคม อารมณ์ และการศึกษาอย่างไร”
ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร International Journal of Environmental Research and Public Health ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากสถาบันวิจัยโภชนาการสัตว์เลี้ยงวอลแธม ในเครือมาร์ส เพ็ทแคร์ และมีดร.คาร์รี เวสต์การ์ธ จาก Institute of Infection and Global Health เป็นผู้นำการวิจัย โดยคณะวิจัยได้ทำการทบทวนและประเมินคุณภาพของการศึกษาต่างๆ ว่าด้วยผลของการเลี้ยงสัตว์ที่มีต่อพัฒนาการทางด้านอารมณ์ การศึกษา หรือพฤติกรรมของเด็กและวัยรุ่น
รีเบกกา เพียววอล ผู้นำในการเขียนงานวิจัย กล่าวว่า “การเลี้ยงสัตว์จะมีผลต่อความเชื่อมั่นในตัวเองของเด็กมากที่สุดในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบ และเด็กอายุ 10 ปีขึ้นไป โดยทั่วไปแล้ว สุนัขและแมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ดีที่สุดต่อพัฒนาการทางสังคมของเด็ก อาจเป็นเพราะสุนัขและแมวมีปฏิสัมพันธ์และมีการตอบสนองมากกว่าเมื่อเทียบกับสัตว์เลี้ยงอื่นๆ นอกจากนี้ ทั้งในวัฒนธรรมตะวันตกและวัฒนธรรมอื่นๆ สัตว์เลี้ยงอาจเป็นตัวช่วยในเรื่องของจิตใจ โดยช่วยให้เด็กๆ รู้สึกดีกับตัวเองและมองตัวเองในแง่ดี”
แนนซี่ จี นักวิจัยจากวอลแธมและผู้ร่วมเขียนงานวิจัย กล่าวว่า “รูปแบบซ้ำๆ ที่พบในประชากรกลุ่มย่อยและกลุ่มอายุต่างๆ แสดงให้เห็นว่า สัตว์เลี้ยงสามารถสร้างเสริมพัฒนาการของเด็กและวัยรุ่นได้เป็นอย่างดี ซึ่งเรื่องนี้ยังต้องทำการศึกษากันต่อไป เพื่อเรียนรู้ว่าการเลี้ยงสัตว์ส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กได้อย่างไร”
เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล
มหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล เป็นสถาบันวิจัยชั้นนำแห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักร โดยงานวิจัย 81% ของสถาบันแห่งนี้ได้รับการจัดอันดับให้เป็นงานวิจัยชั้นแนวหน้าของโลกหรือชั้นเลิศในระดับนานาชาติ นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยลิเวอร์พูลยังติดท็อป 1% ของสถาบันอุดมศึกษาทั่วโลก และเป็นสมาชิกของกลุ่มรัสเซล (Russell Group) หรือกลุ่มมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหราชอาณาจักรที่เด่นในเรื่องการวิจัย สามารถรับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.liv.ac.uk หรือติดตามความเคลื่อนไหวของเราได้ทางทวิตเตอร์ http://www.twitter.com/livuninews
เกี่ยวกับสถาบันวิจัยโภชนาการสัตว์เลี้ยงวอลแธม
สถาบันวิจัยโภชนาการสัตว์เลี้ยงวอลแธม เป็นหน่วยงานวิทยาศาสตร์ที่สำคัญในเครือมาร์ส เพ็ทแคร์ ซึ่งมุ่งเน้นด้านโภชนาการและสุขภาพของสุนัข แมว ม้า นก และปลา รวมถึงคุณประโยชน์ของสัตว์เลี้ยงที่มีต่อมนุษย์ สถาบันวิจัยแห่งนี้ตั้งอยู่ในมณฑลเลสเตอร์เชียร์ ประเทศอังกฤษ และใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อันทันสมัยเพื่อตอบสนองความต้องการของสัตว์เลี้ยงอย่างแท้จริง ทางสถาบันเพิ่งฉลองครบรอบ 50 ปี แห่งการบุกเบิกนวัตกรรมสำคัญๆด้านโภชนาการสัตว์เลี้ยง รวมถึงเผยแพร่ผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ผ่านการพิจารณาและยอมรับจากผู้เชี่ยวชาญกว่า 600 ฉบับ ปัจจุบัน วอลแธมยังคงร่วมงานกับบรรดาสถาบันวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลกเพื่อขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ของมาร์ส เพ็ทแคร์ ในการสร้างสรรค์โลกที่ดีกว่าสำหรับสัตว์เลี้ยง รวมทั้งมอบความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตราสินค้าต่างๆของมาร์ส เพ็ทแคร์ อาทิ PEDIGREE(R), WHISKAS(R), ROYAL CANIN(R), BANFIELD Pet Hospital, IAMS(R), CESAR(R), NUTRO(R), SHEBA(R), DREAMIES(R) และ EUKANUBA(R) http://www.waltham.com
http://www.mdpi.com/1660-4601/14/3/234
ที่มา: มาร์ส เพ็ทแคร์