เบอร์ลิน–20 ก.ย.–พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
-งาน IAA Commercial Vehicles ครั้งที่ 66 กำลังจะเปิดฉากพร้อมการเปิดตัวครั้งแรกของโลก 332 รายการ และผู้จัดแสดงสินค้า 2,013 รายจาก 52 ประเทศ โดยพุ่งเป้าไปที่เมกะเทรนด์แห่งอนาคต นั่นคือ การก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล ยานยนต์ไฟฟ้า และโลจิสติกส์ในเขตเมือง
งาน IAA Commercial Vehicles ครั้งที่ 66 ซึ่งเป็นมหกรรมแสดงสินค้าสำหรับแวดวงการขนส่ง โลจิสติกส์ และการเคลื่อนย้ายที่สำคัญที่สุดของโลก เตรียมเปิดบ้านต้อนรับผู้เข้าชมงาน ณ เมืองฮันโนเวอร์ ในวันพฤหัสบดีที่ 22 ก.ย. 2559 โดยผู้จัดแสดง 2,013 รายจาก 52 ประเทศ จะนำเสนอนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของตนไปจนถึงวันที่ 29 ก.ย. ซึ่งผู้เข้าร่วมงานจะได้สัมผัสกับยานยนต์และเทคโนโลยี 332 รายการที่เตรียมเปิดตัวเป็นครั้งแรกของโลกที่งานนี้ และอีก 101 รายการที่จะมาเปิดตัวเป็นครั้งแรกสำหรับทวีปยุโรป ทั้งนี้ พื้นที่ขนาด 270,000 ตารางเมตรภายในงานถูกจองเต็ม ถือเป็นหนึ่งในผลตอบรับที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ที่มหกรรม IAA Commercial Vehicles ได้จัดแยกออกมาเมื่อปี 2535
สำหรับงาน IAA นี้จัดขึ้นโดยสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์เยอรมัน (VDA) ซึ่งแมทเทียส วิสส์แมนน์ ประธาน VDA กล่าวย้ำก่อนการเปิดงานไม่นานว่า “เรามั่นใจเต็มร้อยในการจัดงานครั้งนี้ เพราะเรามีเงื่อนไขอันเหมาะสมที่จะทำให้งาน IAA ประสบความสำเร็จ มหกรรมแสดงสินค้าที่สำคัญที่สุดในโลกงานนี้มีการบรรยายในหัวข้อต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการเข้าสู่ยุคดิจิทัล การเชื่อมต่อ การขับเคลื่อนอัตโนมัติ และระบบส่งกำลังทางเลือก โดยนำเสนอการผลักดันผ่านความคิดตามสัญชาตญาณที่แท้จริง”
อุตสาหกรรมยานพาหนะเชิงพาณิชย์นั้นเป็นปัจจัยหลักในการสนับสนุนการคมนาคมและโลจิสติกส์มาช้านาน ซึ่งคุณวิสส์แมนเน้นย้ำว่า “อุตสาหกรรมดิจิทัลและระบบส่งกำลังทางเลือกทำให้การขนส่งสินค้าทั่วโลกมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น”
งาน IAA นั้นเป็นมหกรรมแสดงสินค้าระดับนานาชาติอย่างแท้จริง ด้วยสัดส่วนของผู้จัดแสดงสินค้าจากต่างประเทศ 61% ซึ่งประเทศ 5 ลำดับแรกที่มีจำนวนผู้จัดแสดงเข้าร่วมมากที่สุด ได้แก่ จีน 229 ราย อิตาลี 145 ราย เนเธอร์แลนด์ 121 ราย ตุรกี 92 ราย และฝรั่งเศส 85 ราย ผู้เข้าร่วมแสดงงานมากกว่า 1 ใน 3 มาจากทวีปยุโรป (ไม่นับรวมเยอรมนี) และ 1 ใน 5 มาจากทวีปเอเซีย ผู้ผลิตยานพาหนะเพื่อการพาณิชย์ต่างเตรียมตบเท้ามาร่วมจัดแสดงในงานนี้ ตั้งแต่ผู้ผลิตรถบรรทุกหนัก รถตู้ รถโดยสาร รถพ่วง และตัวถังรถ เช่นเดียวกับบรรดาบริษัทผู้จัดหาสินค้าและบริการต่าง ๆ อีกมากมาย อาทิ ระบบเทเลเมติกส์
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวราว 1,700 ชีวิตจาก 57 ประเทศ ยังได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานด้วย ซึ่งเกือบครึ่งหนึ่งมาจากต่างประเทศ โดยในวันพุธที่ 21 เม.ย. จะเป็นวันสำหรับสื่อมวลชน และจะมีการแถลงข่าวกว่า 70 ครั้ง ส่วนวันพฤหัสบดีที่ 22 ก.ย. จะเป็นวันเปิดงานซึ่งจะมีการแถลงข่าวกว่า 100 ครั้ง
คุณวิสส์แมนน์กล่าวว่า “จากสโลแกน ‘ขับเคลื่อนด้วยความคิด’ (Driven by Ideas) ของงานในปีนี้ IAA เน้นไปที่เทรนด์ระดับโลกในภาคส่วนของยานพาหนะเพื่อการพาณิชย์ อันได้แก่ การเชื่อมต่อและการขับขี่อัตโนมัติที่มีความสำคัญลำดับแรกโดยกล่าวถึง “การพลิกโฉมสู่ดิจิทัล” ของทั้งอุตสาหกรรม ตามมาด้วยระบบส่งกำลังทางเลือกที่จะกลายมาเป็นองค์ประกอบสามัญที่ใช้กันทั่วไปในยานพาหนะและรถโดยสารเพื่อการพาณิชย์ การขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าและแบบไฮบริด รวมถึงก๊าซธรรมชาติ ก็เป็นประเด็นสำคัญในงานด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีการโฟกัสถึง ‘โลจิสติกส์ในเขตเมือง’ ที่ทำให้การคมนาคมและขนส่งในเมืองต่าง ๆ มีประสิทธิภาพ รวมถึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น”
นับเป็นครั้งแรกที่เรากำหนดหัวข้อเหล่านี้ขึ้นมาเป็นธีมพิเศษในงาน IAA Commercial Vehicles เพื่อให้ตอบโจทย์ความเป็น “New Mobility World logistics” มากยิ่งขึ้น โดยจุดมุ่งหมายของการริเริ่มดังกล่าวนี้ก็เพื่อการออกแบบอนาคต และแนวคิดด้านโลจิสติกส์ใหม่ ๆ อย่างจริงจัง ไปจนถึงการส่งเสริมให้ผู้เข้าร่วมแสดงสินค้ามีความโดดเด่นสะดุดตากว่าที่เคย และดึงความสนใจจากบริษัทรายใหม่ที่เข้าร่วมงานรวมถึงกลุ่มผู้เข้าร่วมชมงานด้วย นอกจากนี้ The New Mobility World logistics ยังเป็นประเด็นหลักในหัวข้อการบรรยายที่เกี่ยวกับโลจิสติกส์และการขนส่งในอนาคตอีกด้วย “เรากำลังสร้างกรอบการทำงานใหม่สำหรับการโต้ตอบระหว่างผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมดด้วยวิธีดังกล่าว ซึ่งแนวโน้มในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเหล่านี้ไม่ได้ถูกจำกัดเฉพาะผู้ให้บริการแต่ละรายเท่านั้น เพราะในงาน IAA นี้ อุตสาหกรรมดังกล่าวจะแสดงส่วนที่สมบูรณ์ของความคืบหน้าและความมุ่งมั่นในพื้นที่ของนวัตกรรมเหล่านี้” คุณวิสส์แมนกล่าว
ประสบการณ์ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นสามารถสัมผัสได้ในงาน IAA ปี 2559 ที่บูธของผู้จัดแสดง และการประชุมในหัวข้อต่าง ๆ สำหรับการประชุมกลางแจ้งในหัวข้อ “New Mobility World LIVE” นั้นจะมีการสาธิตการขับขี่แบบไดนามิกและแบบโต้ตอบ นอกจากนี้ ระหว่างการพาชมงานแบบเฉพาะกิจ ผู้เข้าร่วมแสดงงานจะนำเสนอนวัตกรรมต่าง ๆ ต่อผู้เยี่ยมชมด้วย รวมทั้งยังมีการจัดพื้นที่ให้ทดลองขับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าประมาณ 20 คันภายในงาน และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดเบาและหนักอีก 40 คันบนถนนสาธารณะ
“ผู้ผลิตได้ผลักดันระบบดิจิทัลอย่างไม่หยุดยั้ง แต่ทุกอย่างจะไม่สามารถสำเร็จได้เลย หากปราศจากซัพพลายเออร์ที่ได้แสดงให้เราเห็นถึงความยึดมั่นในพันธกิจอย่างเหนียวแน่น เป้าหมายนั้นชัดเจน ซึ่งก็คือการเชื่อมต่อจะทำให้การขนส่งมีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้น เมื่อรถบรรทุกหนักแห่งอนาคตที่เชื่อมต่อกันด้วยระบบดิจิทัลขับตามกันเป็นขบวนไปบนถนน ก็จะช่วยลดการใช้พลังงานลงและเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนไปพร้อม ๆ กัน” คุณวิสส์แมนอธิบาย
การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าและแบบไฮบริดไม่ได้ถูกนำไปใช้เฉพาะแค่ในรถตู้และรถบัสเท่านั้น แต่ยังรับประกันว่าการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากรถบรรทุกหนักจะลดลงในอนาคต นอกจากนี้น้ำมันเชื้อเพลิงทางเลือกอย่างก๊าซธรรมชาติยังมีศักยภาพในการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากรถบรรทุกด้วยเช่นเดียวกัน “การเชื่อมต่อและการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าจะช่วยรับประกันว่าในอนาคตระบบโลจิสติกส์ในเขตเมืองและการไปถึงที่หมายจะเป็นไปอย่างรวดเร็วและไร้มลภาวะ” คุณวิสส์แมนกล่าวเพิ่มเติม
ประธาน VDA กล่าวย้ำด้วยว่า “การจัดงาน IAA ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าเราจะได้สัมผัสกับการขับขี่แบบผสมผสานในอนาคต เครื่องยนต์ดีเซลจะยังคงมีบทบาทสำคัญในรถบรรทุกขนาดหนักที่ใช้สัญจรระยะไกล เทคโนโลยีหลังการบำบัดไอเสียล่าสุดนี้ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดค่าใช้จ่ายเท่านั้น แต่ยังทำให้เครื่องยนต์สะอาดด้วย รถบรรทุกและรถบัสที่ได้มาตรฐาน Euro VI ในปัจจุบันปล่อยมลภาวะในระดับต่ำมากทั้งในการทดสอบและบนถนน ซึ่งการปล่อยมลภาวะที่ลดลงนี้ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบแล้วในรถยนต์เพื่อการพาณิชย์”
อย่างไรก็ดี ระบบโลจิสติกส์ในเขตเมืองมีแนวโน้มที่จะใช้การขับเคลื่อนด้วยระบบส่งกำลังทางเลือก “รถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้ามีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ และนำมาใช้แล้วในรถตู้และรถบัส ซึ่งจะมีการนำมาใช้กับรถบรรทุกหนักสำหรับการกระจายสินค้าในภูมิภาคเร็ว ๆ นี้” คุณวิสส์แมนกล่าว
นอกจากการจัดแสดงแล้ว IAA ยังถือเป็นเวทีการประชุมขนาดใหญ่ ซึ่งประกอบไปด้วยงานเฉพาะทาง 27 งาน ครอบคลุมทุกหัวข้อที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงงานที่จัดมาอย่างยาวนานอย่าง Hazardous Goods Day และงานด้านความปลอดภัยในการบรรทุกสินค้า บวกกับอีกหลายกิจกรรมที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล การเชื่อมต่อ อาทิ การประชุมกลุ่มสตาร์ทอัพในชื่อ “Lab16” รวมถึงโลจิสติกส์ในเขตเมือง อีกทั้งยังมีหลายงานที่จัดขึ้นเพื่อการศึกษาและการฝึกอบรมในการขนส่งและโลจิสติกส์โดยเฉพาะ
อนึ่ง สถานการณ์ของตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ในยุโรปตะวันตกนั้นเอื้อต่องาน IAA โดยในปีที่ผ่านมา ยอดการจดทะเบียนรถบรรทุกหนักเพิ่มขึ้น 14% แตะที่ 259,000 คัน และเพิ่มขึ้น 12% ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2559 สำหรับปีนี้เราคาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 8% เป็น 280,000 คัน สำหรับตลาดจีนก็กำลังขยายตัวเช่นเดียวกัน ในขณะที่ตลาดสหรัฐชะลอตัวลง หลังจากที่ขยายตัว 6 ปีติดต่อกัน ส่วนตลาดรัสเซียและบราซิลยังคงอ่อนแอ ทั้งนี้ คาดว่ายอดขายรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ (ขนาดใหญ่กว่า 6 ตัน) ในตลาดโลกจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 3% ในปีนี้ แตะที่ 2.8 ล้านคัน
ติดต่อ:
Eckehart Rotter
German Association of the Automotive Industry (VDA)
Press Department
โทร: +49-30-897842-120
อีเมล: rotter@vda.de
ที่มา: German Association of the Automotive Industry (VDA)