บ้านอารียาฯ ชู 4 นวัตกรรมรักษ์โลกเพื่อลูกบ้าน “สร้างสุขยั่งยืน” บนสังคมคุณภาพ

0
1197
image_pdfimage_printPrint

เพราะการซื้อบ้าน เท่ากับการซื้อคุณภาพชีวิตที่ดีซึ่งได้มาจากสังคมคุณภาพที่เกิดจากอยู่ร่วมกันอย่างสามัคคีในชุมชนแห่งการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ดี สุขภาพที่ดี จึงเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความสุขที่ยั่งยืน“ Sustainable Happiness ” ซึ่งบริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ตระหนักถึงความสำคัญ และยึดถือเป็นหัวใจหลักของนโยบายการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการพัฒนานวัตกรรมการก่อสร้างที่อยู่อาศัยคุณภาพมาอย่างยาวนาน

“ผมแค่รับผิดชอบในงานของผม เพราะประเทศจะยั่งยืนได้ก็คือการมีความรับผิดชอบ ดังนั้นถ้า
ผมทำโครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพ ควบคู่ไปกับความตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมและสุขภาพที่สำคัญสามารถสร้างชุมชนให้มีปัญหาน้อยได้เยอะเท่าไรก็ช่วยประเทศได้มากเท่านั้น ในขณะที่ลูกบ้านก็จะได้รับคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างสมบูรณ์” คำกล่าวของ วิวัฒน์ เลาหพูนรังษี กรรมการบริหาร บริษัทอารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ที่มาของโครงการ “รักษ์โลก รักเรา” หรือ “ Sustainable Happiness”

วิวัฒน์ กล่าวว่า “โครงการรักษ์โลก รักเรา” ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิด แต่ได้เริ่มนำร่องที่โครงการโซนกาญจนาภิเษก – ราชพฤกษ์ (ไทรน้อย) จำนวน 5 โครงการ ก่อนที่จะขยายไปทุกโครงการใหม่แนวราบของอารียาฯ โดยเน้นใน 5 ด้านหลัก ดังนี้

แปลงปลูกผักปลอดสารพิษ ในโครงการ “ปลูกผัก ปลูกรัก” ซึ่งมาจากแนวคิดการหันกลับมายังรากเหง้าของไทย พื้นฐานของประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศเกษตรกรรม แต่การบริโภคผักในปัจจุบันไม่ปลอดภัยจากการสารพิษ ดังนั้นอารียาฯ จึงเปลี่ยนพื้นที่ส่วนกลางของโครงการมาเป็นสวนผัก เพื่อให้ลูกบ้านได้บริโภคผักปลอดสารพิษที่สดใหม่และตรงความต้องการบริโภค

นอกจากนั้นยังแฝงนัยของการสานสัมพันธ์ภาพที่ดีระหว่างคนครอบครัว และระหว่างสมาชิกในหมู่บ้านซึ่งขาดหายไปในสังคมไทยปัจจุบัน เกิดเป็นสังคมแห่งการเอื้อเฟื้อ เพิ่มพลังความสามัคคีและสร้างชุมชนเข้มแข็งโดยการเน้นให้ลูกบ้านมีส่วนร่วมในการเลือกประเภทของผัก การปลูก การดูแล และแบ่งปันผักเพื่อนำไปบริโภค ขณะเดียวกันอารียาฯ เปลี่ยนต้นไม้ยืนต้นภายในโครงการ ซึ่งเดิมเป็นไม้ประดับ 100% เป็นการเสริมไม้ผลกินได้ อาทิ มะม่วง ชมพู่ ขนุน ขี้เหล็ก แคนา เป็นต้น ซึ่งนอกจากการสร้างสภาพแวดล้อมที่ร่มรื่นแล้วลูกบ้านยังสามารถเก็บผลผลิตที่ได้ไปบริโภคได้อีกด้วย

“ ภาพของอารียาฯ คือชุมชุนของการแบ่งปัน ซึ่งขณะนี้คนกรุงเทพขาดหายไปมาก โดยโครงการ“ปลูกผัก ปลูกรัก” ได้รับผลตอบรับเกินความคาดหมาย เกิดเป็นความรัก ความเอื้อเฟื้อระหว่างลูกบ้านมีการตั้งกลุ่ม Line เพื่อสื่อสารระหว่างกัน แลกเปลี่ยนความเห็นในการดูแลแปลงผัก การแจ้งข่าวให้มาเก็บผัก เกิดเป็นความเข้มแข็งของเครือข่ายลูกบ้านอย่างยั่งยืนต่อไป” วิวัฒน์ กล่าวและว่า

ระบบบำบัดน้ำเสียเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ อารียาฯ จัดให้มีระบบบำบัดน้ำเสีย ที่สามารถนำน้ำเข้าสู่กระบวนการบำบัดพิเศษซึ่งอารียาฯได้พัฒนาขึ้นมา จนได้ค่ามาตรฐานตามกฎกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ โดยมีการติดตั้งระบบให้นำน้ำไปใช้ในสวนส่วนกลาง แปลงผัก
ในโครงการ “ปลูกผัก ปลูกรัก” และใช้ประโยชน์อื่น เช่น การล้างถนนทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อลดอัตราการใช้น้ำประปา ซึ่งเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อม และลดค่าใช้จ่ายส่วนกลางของโครงการได้มากถึง 21,600 บาทต่อปีต่อโครงการ

การคัดแยกขยะ อารียาฯ มีนโนบายในการรณรงค์และปลูกฝังให้ลูกบ้านตระหนักถึงความสำคัญในการคัดแยกขยะ เพื่อลดปัญหาการจัดเก็บโดยจัดให้มีพื้นที่สำหรับคัดแยกขยะ และอยู่ระหว่างการพัฒนานวัตกรรมการนำขยะเปียกมาผลิตเป็นปุ๋ยพืชสด เพื่อใช้ในโครงการ “ปลูกผัก ปลูกรัก” และสวนสวนกลาง ซึ่งขณะนี้สามารถผลิตปุ๋ยจากขยะเปียกรุ่นแรกและนำไปใช้ได้ดีเกินความคาดหมายในสวนผักส่วนกลาง
นอกจากนั้นจะนำขยะที่สามารถนำไปใช้ใหม่ผ่านกระบวนการรีไซเคิลมาเป็นวัตถุดิบในภาคอุตสาหกรรมเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น เสื้อที่ทำจากขวดพลาสติก ชุดโต๊ะนักเรียนที่ทำจากกล่องนม เพื่อส่งต่อความสุขไปสู่สังคมต่อไป

ไฟส่องสว่างด้วยระบบ Solar Call การจัดให้มีไฟส่องสว่างภายในสวนบริเวณส่วนกลาง ทางเดินสวน จากการใช้ ใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในส่วนของไฟฟ้าส่องสว่างภายในสวนบริเวณส่วนกลาง เพื่อให้เกิดความยั่งยืนด้านพลังงาน โดยอารียาฯ ประเมินว่าโครงการระบบ Solar Call นี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าประมาณ 18,000 บาทต่อปีต่อโครงการ

เลนจักรยาน สุขภาพร่างกายที่แข็งแรงของลูกบ้านเป็นอีกแนวคิดหนึ่งที่อารียาฯ คำนึงถึงเป็นอันดับต้นๆ จึงจัดให้มีเลนจักรยานภายในบริเวณส่วนของถนนส่วนกลางที่มีความปลอดภัย เพื่อรณรงค์สงเสริมให้ลูกบ้านได้ออกกำลังกายง่ายๆ รวมทั้งสามารถใช้เดินทางภายในโครงการแทนการใช้รถยนต์ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือสุขภาพที่แข็งแรงและมีส่วนร่วมในการลดมลภาวะของโลกอีกด้วย

วิวัฒน์ กล่าวว่า อารียาฯ ไม่เพียงแต่ขายบ้าน แต่เรารับผิดชอบสังคมและประเทศชาติด้วย ซึ่งถ้าหากสามารถทำให้ชุมชนในโครงการของอารียาฯ มีปัญหาน้อยที่สุด ประเทศไทยก็จะดีขึ้น และสิ่งดีๆ เหล่านี้เป็นความตั้งใจของอารียาฯ ที่จะมอบให้ลูกค้าของอารียาฯ เพราะจุดสูงสุดของการทำธุรกิจฯ ก็คือ “ลูกค้าได้ประโยชน์สูงสุดภายใต้ความสุขที่ยั่งยืนหรือ Sustainable Happiness ” จึงไม่แปลกใจที่อารียาฯ จะให้ลูกค้าเกินคาดหมายเสมอ”