นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานภายใต้การบริหารของ บลจ.ไทยพาณิชย์ ในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2561 ว่ายังคงมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจและสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมจ่ายเงินปันผลและจ่ายเงินลดทุนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม – 30 กันยายน 2561 รวมทั้งสิ้น 7 กองทุน รวมมูลค่ากว่า 2,800 ล้านบาท ในวันที่ 4 ธันวาคม 2561 นี้
สำหรับกองทุนที่มีผลงานโดดเด่นในช่วงดังกล่าวยังคงเป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารสำนักงานให้เช่า ได้แก่ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN คอมเมอร์เชียล โกรท (CPNCG) ซึ่งมีทรัพย์สินตั้งอยู่บนพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพมหานคร โดยในไตรมาส 3/2561 มีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) เนื่องจากผู้เช่าพื้นที่รายเดิมมีการต่อสัญญาเช่าพื้นที่ อีกทั้งทรัพย์สินประเภทดังกล่าวยังคงมีอัตราการเช่าเติบโตอย่างต่อเนื่องตามความต้องการของผู้เช่าพื้นที่อาคารสำนักงานที่เพิ่มขึ้น
รวมถึงกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมดิจิทัล (DIF) ซึ่งการจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้เป็นไปตามผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2561 ที่อัตราการเติบโตที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีและไตรมาสที่ผ่านมา (ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้จากการดำเนินงานสุทธิที่เพิ่มขึ้นจากทรัพย์สินที่กองทุนรวมเข้าลงทุนเพิ่มเติมในเดือนพฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา
โดยกองทุนรวมอสังหาฯ ที่จ่ายปันผลประกอบด้วย 6 กองทุน คือ กองทุนอสังหาฯ ประเภทอาคารสำนักงาน จำนวน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN คอมเมอร์เชียล โกรท (CPNCG) ที่ลงทุนในอาคารสำนักงาน ดิ ออฟฟิศเศส แอท เซ็นทรัลเวิลด์ จะจ่ายปันผลในอัตรา 0.2502 บาทต่อหน่วย ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 24 รวมจ่ายเงินปันผล 5.296 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2556)
กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไพร์มออฟฟิศ (POPF) ที่ลงทุนในอาคารสมัชชาวานิช 2 อาคารเพลินจิต เซ็นเตอร์ และอาคารบางนา ทาวเวอร์ จะจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.2414 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 30 รวมจ่ายเงินปันผล 7.6111 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 ก.ย.2554) และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แสนสิริ ไพร์มออฟฟิศ (SIRIP) ลงทุนกรรมสิทธิ์ในโครงการอาคารสิริภิญโญ จะจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.1470 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 18 รวมจ่ายเงินปันผล 2.6797 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 ส.ค.2557)
นอกจากนี้ ยังมีกองทุนอสังหาฯ ประเภทโรงงานและคลังสินค้า จำนวน 1 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค (PPF) จะจ่ายปันผลในอัตรา 0.1743 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 17 รวมจ่ายเงินปันผล 3.3177 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2557)
สำหรับกองทุนอสังหาฯ ประเภทคอมมิวนิตี้มอลล์ คือ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์คริสตัล รีเทล โกรท (CRYSTAL) ที่ลงทุนในโครงการเดอะ คริสตัล (The Crystal) และโครงการคริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ (CDC) จะจ่ายปันผลในอัตรา 0.0623บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 21 รวมจ่ายเงินปันผล 3.8543 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรกเมื่อวันที่15 พ.ย. 2556) นอกจากนี้ยังมีการจ่ายเงินลดทุนในอัตรา 0.1015 บาทต่อหน่วย เพื่อเป็นการจ่ายคืนสภาพคล่องส่วนเกินเป็นจำนวน 39,585,000 บาท จากกรณีที่กองทุนมีการรับรู้รายการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง เนื่องจากการลดลงของการสอบทานค่าอสังหาริมทรัพย์
และกองทุนอสังหาฯ ประเภทโรงแรม 1 กองทุน คือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอราวัณ โฮเทล โกรท (ERWPF) ที่ลงทุนในโรงแรมไอบิส ป่าตอง และโรงแรมไอบิส พัทยา เป็นการจ่ายเงินลดทุนในอัตรา 0.0853 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นการจ่ายคืนสภาพคล่องส่วนเกินเป็นจำนวน 15,021,330 บาท เนื่องจากกองทุนมีขาดทุนสะสมจากรายการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการลดลงของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมา
ส่วนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม 1 กองทุน คือ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF) จะจ่ายปันผลในอัตรา 0.2600 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 19 รวมจ่ายปันผล 4.5709 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557)