บลจ.ไทยพาณิชย์ แนะลงทุน LTF-RMF ช่วงโค้งสุดท้ายปี รับสิทธิลดหย่อนภาษี คัด 5 กอง SCBLT1-SCBLT2-SCBRMLEQ-SCBRMPIN และ SCBRMS&P500 เสิร์ฟนักลงทุน

0
353
image_pdfimage_printPrint

นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่าในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2562 นี้ บลจ.ไทยพาณิชย์ยังคงแนะนำให้ลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยกองทุนรวม LTF ถือเป็นปีสุดท้ายที่สามารถลงทุนเพื่อได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยกองทุน LTF ใช้สิทธิลดหย่อนได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีและไม่เกิน 500,000 บาท ซึ่งต้องถือครอง 7 ปีปฏิทินเพื่อให้ได้สิทธิประโยชน์ภาษี ส่วนกองทุนรวม RMF ใช้สิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีสูงสุด 500,000 บาท หรือไม่เกิน 15% ของรายได้ เมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญราชการ กองทุนการออมแห่งชาติ กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน และประกันชีวิตแบบบำนาญแล้ว

สำหรับกองทุนรวม LTF ได้แนะนำ 2 กองทุนเด่น ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30 (SCBLT1) ซึ่งเป็นกองทุน LTF ใหญ่อันดับหนึ่งของบลจ.ไทยพาณิชย์ ด้วยมูลค่าสินทรัพย์รวมกว่า 29,323 ล้านบาท (ณ วันที่ 8 พ.ย. 2562) เหมาะกับนักลงทุนที่เน้นรายได้ระหว่างทางจากการลงทุน เนื่องจากกองทุนมีนโยบายการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ ที่ผ่านมามีการจ่ายเงินปันผลแล้ว 23 ครั้งในช่วง 15 ปี (นับตั้งแต่จัดตั้งเมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2547) และนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นไทย โดยกองทุนมีนโยบายการลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 และไม่เกินร้อยละ 70 ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนรวม มีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 11.61% ต่อปี (ข้อมูล ณ วันที่ 8 พ.ย.2562)

และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว พลัส (SCBLT2) มีจุดเด่นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ พื้นฐานดี มีความมั่นคงสูง เน้นการลงทุนหุ้นที่มีนโยบายหรือมีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ส่วนที่เหลือจะลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัททั้งที่จดทะเบียนและไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ตลอดจนตราสารการเงินอื่นๆ ในสัดส่วนที่เหมาะสมของแต่ละช่วงเวลา มีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 14.81% ต่อปี (ข้อมูล ณ วันที่ 8 พ.ย.2562) และมีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี ติดอันดับ 1 ของ Morning Star

ส่วนกองทุนรวม RMF แนะนำ 3 กองทุนซึ่งมีนโยบายการลงทุนที่เหมาะสมกับการลงทุนระยะยาว สอดคล้องกับรูปแบบการลงทุนของกองทุนประเภท RMF คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้น Low Volatility เพื่อการเลี้ยงชีพ (SCBRMLEQ) เป็นกองทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนเหนือตลาดในช่วงตลาดขาขึ้น และป้องกันการขาดทุนในช่วงตลาดขาลง มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน AB Low Volatility Equity Portfolio จดทะเบียนที่ประเทศลักเซมเบิร์ก และอยู่ภายใต้ UCITS บริหารโดย Alliance Bernstein L.P ซึ่งลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน

กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ อินฟราสตรัคเจอร์ เฟล็กซิเบิ้ล เพื่อการเลี้ยงชีพ (SCBRMPIN) เป็นกองทุนสินทรัพย์ทางเลือก มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสิงคโปร์ โดยมีกระบวนการลงทุนด้วยการคัดเลือกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และ REITs ภายใต้กรอบการลงทุนคือ High Cash flow, High EPS Growth และ High Dividend Yield โดยพอร์ตจำลองการลงทุนโดยมีสัดส่วนการลงทุนในตลาดไทยประมาณ 40% สิงคโปร์ประมาณ 50% และเงินสดประมาณ 10% (ข้อมูล ณ 31 ต.ค.2562) โดยกองทุนใช้ PF&REIT Total Return Index 50% และ FTSE Strait times REIT Index 50% เป็นดัชนีอ้างอิง รวมทั้งมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน

และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นยูเอส เพื่อการเลี้ยงชีพ (SCBRMS&P500) มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว คือ SPDR S&P 500 ETF Trust (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งเป็นกองทุนที่บริหารจัดการโดย State Street Global Advisors จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี S&P500 มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี S&P500

นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่ลงทุนผ่านช่องทาง SCB EASY App ครั้งแรก ด้วยกลุ่มกองทุนรวม LTF หรือกองทุนรวม RMF ภายใต้การบริหารของบลจ.ไทยพาณิชย์ ระหว่างวันนี้ – 30 ธันวาคม 2562 ยังจะได้รับหน่วยลงทุนกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้น (SCBSFF) คืนมูลค่าสูงสุด 1,000 บาทด้วย

เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจานวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุน หรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง รวมถึงควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนตัดสินใจลงทุน สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการ ได้ที่ SCBAM Call Centerโทร.02-777-7777 กด 0 กด 6 หรือผู้สนับสนุนการขายทุกราย