กฎเกณฑ์มาตรฐานต่างๆในโลกใบนี้ที่ถูกกำหนดขึ้นมาเพราะ “เชื่อว่า” จะทำให้มนุษย์ดำรงชีวิตอย่างอยู่รอดปลอดภัยมากขึ้น และกำลังคืบคลานเข้ามาสู่ประเทศของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ วอเตอร์ฟุตพริ้นท์ มาตรฐานแรงงานระดับสากล (แรงงานทาส แรงานเถื่อน แรงงานเด็ก) มาตรฐานการผลิต (GAP, Q, Organic Thailand, IFOAM, GMP) กฎระเบียบผลกระทบเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม EIA (Environmental Impact Assessment) รวมถึงสวัสดิภาพของสัตว์ที่เรียกว่า “แอนนิมอล เวลแฟร์” (Animal Welfare) ซึ่งล้วนเปรียบเหมือนดาบสองคม หรือ เหรียญสองด้าน คือด้านหนึ่งทำให้ดูดีมีคุณภาพปลอดภัยต่อผู้บริโภค แต่อีกด้านหนึ่งคล้ายดังกับเป็นเครื่องมือให้ประเทศที่เจริญแล้วใช้ในสร้างการกีดกันทางการค้าสร้างปัญหาให้แก่ประเทศเล็กๆ หรือประเทศที่มีอำนาจการต่อรองน้อยกว่าในการส่งออก แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเมื่อโลกยอมรับ “เราก็ต้องปฏิบัติตาม” ถ้าคิดจะคบค้าสมาคมกันบนโลกใบนี้
โครงการเกษตรแปลงใหญ่ เกษตร 4.0 ที่รัฐบาลในยุคนี้กำลังผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยอาศัยกลุ่มของเกษตรกรวัยหนุ่มสาว (Young Farmers) และสมาร์ทฟาร์เมอร์ (Smart Farmers) เป็นพลังในการขับเคลื่อนหลัก และภายใต้เงาทะมึนของบริษัทยักษ์ใหญ่ 4 -5 บริษัทที่ร่วมมือกับหน่วยงานรัฐในแต่ละจังหวัดเป็นหุ้นส่วนในนาม บริษัทประชารัฐรักสามัคคี ของรัฐบาลที่เชื่อกันว่าน่าจะเข้ามาช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรด้วยความจริงใจ ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง….จนทำให้เกษตรกรพี่น้องชาวนาลืมตาอ้าปากได้!!!
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี ก็จะมีเงื่อนไขในการรับซื้อพืชผักผลผลิตของพี่น้องเกษตรกรอยู่ด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ ผลิตผลที่รับมาจากพี่น้องเกษตรกร ไม่ว่าจะเป็น หมู เห็ด เป็ด ไก่ ผัก ผลไม้ ฯลฯ จะต้องผ่านมาตรฐาน GAP, Q, Organic Thailand, GMP ฯลฯ ด้วยเช่นเดียวกัน อีกทั้งเนื้อสัตว์อย่างหมูก็จะต้องปราศจากสารเร่งเนื้อแดง (บีตา-อะโกนิสต์ beta-agonist) ไก่ เป็ด ห่าน ฯลฯ ต้องปราศจากฮอร์โมนเร่งโต (Growth Hormone) และยาปฏิชีวนะที่ตกค้างจนเกินค่ามาตรฐาน หรือต้องไม่มีเลยถ้าเป็นสารที่ต้องห้าม
ความจริงการเลี้ยงสัตว์ในปัจจุบันไม่จำเป็นต้องพึ่งแต่ยาปฏิชีวนะหรือสารเร่งเนื้อแดง หรือฮอร์โมนเร่งโตต่างๆ แต่เพียงอย่างเดียว เพราะว่าถ้าเจ้าของฟาร์มสามารถทำให้สัตว์อยู่อย่างสุขสบาย อารมณ์ดี ไร้มลภาวะทั้งเสียง กลิ่น และแก๊สของเสีย…. หมู เป็ด ไก่ ห่าน แพะ แกะ เขาก็สามารถที่จะเจริญเติบโตได้เองตามธรรมชาติ ไม่เครียด ไม่เจ็บป่วย มีภูมิคุ้มกันที่ดี ถ้าดูแลแก้ปัญหาเรื่องของเสียที่พื้นคอกพื้นฟาร์มได้อย่างเข้าอกเข้าใจแท้จริง
เพราะที่สัตว์เจ็บป่วยบ่อยๆ มีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากพื้นคอกที่สกปรกจากการหมักหมมของเชื้อโรค สิ่งปฏิกูล สะสมแมลงวันที่เป็นพาหะนำโรคต่างๆ มาสู่ฟาร์ม และสาเหตุสำคัญมากๆอย่างแก๊สแอมโมเนีย NH4+, แก๊สไข่เน่า H2S (แก๊สไฮโดรเจนซัลไฟด์) ที่ทำให้สัตว์มึนงง เครียด กินอาหารได้น้อย ไก่ ไอจามหงอนและจมูกแดงจากการแพ้และอักเสบ เจ้าของฟาร์มที่ไม่รู้เท่าทัน ก็หลงเชื่อตามเซลล์ขายยาว่าสัตว์เป็นหวัด แต่แท้จริงแล้วเกิดจากการแพ้แอมโมเนีย (หวัดเทียม) ดังนั้น เมื่อรับยาปฏิชีวนะจากเซลล์ก็จะหายเพียงชั่วครู่ชั่วยาม เพียง 3 ถึง 7 วันไก่ก็จะกลับมาป่วยอีกเมื่อหมดฤทธิ์ของยา การแก้ปัญหาแบบพึ่งตนเอง คือการทำความสะอาดพื้นคอกอย่างสม่ำเสมอ หรือใช้ขี้เลื่อยปูพื้นคอกเพื่อสร้างความสมดุลของจุลินทรีย์ที่เข้ามาย่อยสลายขี้เลื่อย โดยต้องอาศัยโปรตีนจากมูลของสัตว์ทำให้ของเสียหรือมูลของสุกร เป็ด ไก่ จะถูกย่อยสลายให้น้อยลงเป็นจำนวนมาก เมื่อโปรตีนที่ตกค้างจากมูลสัตว์ถูกย่อยสลาย กลิ่นและแก๊สของเสียก็จะค่อยๆ เจือจางลงตามไปด้วย
วิธีแก้ปัญหาอีกรูปแบบหนึ่งที่เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์นิยมใช้กันมากในปัจจุบันคือ การใช้หินแร่ภูเขาไฟเกรดพิเศษ (ซีโอฟาร์ม Zeofarm), สเม็คโตไทต์ (Smectotite) ) ซึ่งมีค่า ซี.อี.ซี. สูง(C.E.C. = Catch Ion Exchange Capacity) เพราะเกิดจากการระเบิดของหินหนืดที่เป็นแมกมาอยู่ใต้พื้นพิภพและระเบิดเกิดเป็นลาวาพวยพุ่งขึ้นไปในบรรยากาศ ความบางเบาของชั้นบรรยากาศทำให้ก๊าซและไอน้ำระเหยออก เกิดเป็นรูปพรุนจำนวนมหาศาลเมื่อเย็นตัวลง รูพรุนมหาศาลที่มีคุณสมบัติพิเศษในการจับกลิ่นนี้เองที่เรียกว่า ซี.อี.ซี. มีคุณสมบัติในการจับตรึงสารพิษ จับกลิ่น จับแก๊สของเสียต่างๆ ในคอกสัตว์ต่างๆ เพียงใช้หินแร่ภูเขาไฟในอัตรา 1 กิโลกรัมต่อ 1 ตารางเมตรหว่านโรยทับตรงบริเวณ หลังจากหว่านโรย ทั้งกลิ่นเหม็นและแก๊สที่ทำให้สัตว์มึนงงจะจางหายไปในเวลาเพียง 5 นาที ซึ่งถือเป็นธรรมชาติที่ไม่ใช่เรื่องวิเศษมหัศจรรย์แต่อย่างใด เพราะค่าความสามารถในการจับกลิ่นแก๊สในรูปประจุบวกก็จะถูกตรึงกับประจุลบของหินแร่ภูเขาไฟที่มีรูพรุนมหาศาลนั่นเอง แถมยังมีความปลอดภัยสูง ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
การใช้กลุ่มของหินแร่ภูเขาไฟจากธรรมชาติทดแทนยาปฏิชีวนะก็จะทำให้การเลี้ยงสัตว์ในบ้านเราสามารถที่จะมุ่งไปสู่การเป็นเกษตรอินทรีย์ เกษตร 4.0 ได้ไม่ยาก เพราะเมื่อบ้านของสัตว์สะอาดปราศจากกลิ่นเหม็นและแก๊สรบกวน ก็จะทำให้สัตว์ไม่เครียด จมูก ตา ปาก ไม่อักเสบ บวมแดง กินอาหารได้มาก สังเคราะห์โปรตีนและฮอร์โมนได้เอง ไม่ต้องใช้สารเร่งหรือฮอร์โมน ทำให้สัตว์โตเร็วแบบธรรมชาติและมีความสุข เมื่อถึงมือผู้บริโภคก็จะรับประทานได้อย่างปลอดภัยไร้สารพิษตกค้าง สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัยหรือต้องการคำปรึกษา สอบถามข้อมูลได้โดยตรงที่ 02 986 1680 -2
สนับสนุนบทความโดย นายมนตรี บุญจรัส
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยกรีน อะโกร จำกัด (ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ)
สอบถามข้อมูลข่าวได้ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทรศัพท์ 0 2000 8499 , 081 732 7889