เดือนกุมภาพันธ์ เป็นเดือนแห่งความรัก ผู้เขียนจึงเขียนเรื่องราวของความรัก เรื่องราวของเทศกาล “วาเลนไทน์ (Valentine’s Day)” เพื่อเตือนสะกิดใจ ให้ความรักที่มอบให้ปลอดภัยไร้สารพิษ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่มักใช้เป็นสัญลักษณ์ในการสื่อความหมายนั่นก็คือ “ดอกกุหลาบ” ซึ่งถือได้ว่าเป็นสื่อที่นิยมเป็นอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ราคาของดอกกุหลาบในวันแห่งความรักนั้นมีราคาสูงขึ้น แต่ไม่ว่าจะอย่างไร “หนุ่มสาว” ก็ยังยินดีและเต็มใจที่จะซื้อมอบให้กันและกัน
กุหลาบนั้นเป็นไม้ดอกไม้ประดับ เป็นที่รู้จักและปลูกในเมืองไทยมานาน จากหลักฐานพบว่า ได้มีการปลูกกันอย่างจริงจัง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า (รัชกาลที่ 5) แต่การปลูกกุหลาบในสมัยนั้นเป็นการปลูกแบบเพื่อประดับมากกว่าปลูกเพื่อตัดดอกจำหน่ายเหมือนในทุกวันนี้ แต่ในปัจจุบันดอกกุหลาบเป็นดอกไม้ที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย ไม่เพียงแค่วันวาเลนไทน์เท่านั้น คนส่วนมากมักใช้กุหลาบไว้พระ รับปริญญา งานแต่ง หรือใช้ในโอกาสอื่นๆอีกด้วย
ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกกุหลาบกระจายอยู่ทั่วทุกภาค ซึ่งแหล่งปลูกกุหลาบที่สำคัญได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ตาก นครปฐม สมุทรสาคร ราชบุรี และกาญจนบุรี สำหรับอำเภอพบพระ จังหวัดตาก จัดได้ว่าเป็นแหล่งใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศ แต่จะอย่างไรก็ตามชื่อเสียงด้านการใช้สารเคมีวัตถุอันตรายในภาคการเกษตรของที่นี่ก็ไม่เบาที่เดียว เพราะเป็นแหล่งเพาะปลูกกะหล่ำ ดาวเรือง และพืชอื่นๆ อีกมากมาย การใช้สารเคมีวัตถุอันตรายกับพื้นที่บนภูเขา ต้นน้ำ จะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์อย่างมหาศาล และที่สำคัญสารเคมีและวัตถุอันตราย จะปนเปื้อนหรือตกค้างมากับ “ดอกกุหลาบ” ด้วยหรือไม่ !!! ด้วยปัจจัยที่ละเอียดอ่อนในการปลูกกุหลาบ ซึ่งถือว่ายุ่งยากพอควร ต้องมี ดิน น้ำ สภาพอากาศ และสภาพภูมิประเทศที่เหมาะสม ดินจะต้องมีสภาพเป็นดินร่วน หรือ ดินปนทราย สภาพพื้นที่ปลูกต้องมีอุณหภูมิต่ำ หรือมีอากาศค่อนข้างเย็น เพราะจะทำให้ดอกกุหลาบโต มีกลีบดอกที่แข็งแรง ก้านยาว และสีของดอกสวยสด มิฉะนั้นก็จะได้ดอกกุหลาบที่ไม่ได้คุณภาพ การดูแลบำรุงรักษา เรื่องโรค แมลง เพลี้ย หนอน ราและไร จึงมีการใช้ “สารเคมีและวัตถุอันตราย” ค่อนข้างสูง
“ดอกกุหลาบ” ในฐานะที่เป็นสื่อตัวแทน “ความรัก” แต่หลายๆคนอาจจะมองข้ามไป นั่นก็คือ “สื่อความรักที่บริสุทธิ์ สะอาด ปลอดภัย ไร้สารพิษ” ซึ่งหนุ่มสาวทุกคนควรใส่ใจให้ความสำคัญด้วย เพราะสารเคมีที่เป็นอันตรายอาจจะกล้ำกลายมาพร้อมกับดอกกุหลาบอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เป็นเหตุทำให้คนที่เรารักอายุสั้นลงกับสารพิษที่สะสมจากการสัมผัส หรือเผลอสูดดมเข้าไปสะสมในร่างกาย ก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ นานา เช่น มะเร็ง อัมพฤต อัมพาต ปากเบี้ยว มือหงิก สะเก็ดเงิน สะเก็ดทอง ฯลฯ หรือเรียกว่า “ตายแบบผ่อนส่ง” ภัยเหล่านี้เปรียบเหมือนเส้นผมบังภูเขา เพราะมีผลการวิจัยเกี่ยวกับพิษภาคการเกษตรที่เชื่อถือได้ออกมามากมายในกรณีแบบนี้
ดังนั้นในเทศกาลวันวาเลนไทน์นี้ ขอให้หนุ่มสาวและคู่รักทุกคู่ที่ใช้วิธีมอบกุหลาบสื่อความรักให้กัน หลีกเลี่ยงวิธีสูดดม หรือสัมผัสดอกโดยตรง เพียงเท่านี้ก็สามารถมีความรักที่ปลอดสารพิษในวันวาเลนไทน์ เพื่อชีวิตที่ยืนยาวอยู่ด้วยกันไปตราบนานเท่านาน
สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัยหรือต้องการคำปรึกษา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้โดยตรงที่ 02 986 1680 -2
สนับสนุนบทความโดย นายมนตรี บุญจรัส
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยกรีน อะโกร จำกัด (ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ)
สอบถามข้อมูลข่าวได้ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทรศัพท์ 0 2000 8499 , 081 732 7889