1

นิทรรศการศิลป์สามวัย “8 88 60”

ข่าวประชาสัมพันธ์

ศิลปะ สร้างโลกที่งดงาม ให้ครอบครัว “มีสมสืบ”
นิทรรศการศิลป์สามวัย “8 88 60”

ความงดงามแห่งสายใยครอบครัวที่เกิดขึ้นด้วยมีศิลปะเป็นสื่อ ถูกนำมาจัดแสดงในนิทรรศการศิลปะจากศิลปินสามวัย ได้แก่ “แม่ของลูก” คุณชุมสาย มีสมสืบ นักเขียน-นักวาดภาพวัย 88 ปี, “ลูกของแม่” ศักดิ์สิริ หรือ กิตติศักดิ์ มีสมสืบ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์วัย 60 ปี และ “หลานของย่า” ด.ช.รินคม มีสมสืบ นักเรียนตัวน้อยอายุ 8 ปี เรียงร้อยดั่งบทกวีอันงดงามจำนวน 120 ชิ้น ภายใต้ธีม “8 88 60” ณ RCB Galleria ชั้น 2 ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ แบงค๊อก ถนนเจริญกรุง 24 กรุงเทพมหานคร โดยจัดแสดงถึงวันที่ 10 กันยายน 2560 นี้

คุณแม่ชุมสาย มีสมสืบ เป็นที่รู้จักด้วยผลงานเขียนสารคดีชีวิตครั้งแรก “ดึกแล้วคุณขา” ที่เริ่มเขียนเมื่ออายุ 72 ปี ซึ่งได้รับรางวัลชมเชยจากงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 23 และงานหนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 3
ในปี พ.ศ. 2548 รวมถึงรางวัล “นราธิป” (ตามพระนามพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์)
อันทรงเกียรติ และในช่วงเวลาก่อนหน้านั้น คุณชุมสายได้เริ่มหัดวาดภาพด้วยตนเอง จากความเสียดายสีที่เหลือทิ้งก้นจานสีของลูกชาย ปัจจุบันคุณชุมสายสร้างสรรค์งานเขียนมาแล้วกว่า 300 รูป และจัดแสดงในนิทรรศการมาแล้ว 3 ครั้ง ทั้งที่ไม่เคยได้เรียนวาดภาพจากสถาบันใดๆ

ภาพเขียนสีน้ำมันของคุณชุมสายที่นำมาจัดแสดงในนิทรรศการ “8 88 60” นี้ สะท้อนสีสันและ
ความงดงามของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น “ทุ่งทานตะวัน” “บ้านสีฟ้า” “คนช้อนกุ้ง” หรือ “พายเรืออีโปงเก็บดอกโสน”ล้วนวาดขึ้นเองจากจินตนาการ โดยไม่ได้มีสถานที่จริงใดๆ เป็นแบบ

คุณชุมสายเล่าว่า “แม่วาดภาพแบบไม่ได้บังคับตัวเอง ทำไป เล่นไป พักไป วาดขึ้นจากจินตนาการ ไม่ได้มีแบบ ส่วนใหญ่เกิดมาจากภาพความทรงจำอันสวยงามที่ได้เคยเดินทางท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ….ก่อนหน้าไม่เคยคิดว่าตนเองจะได้วาดภาพจริงจังขนาดนี้ แต่เมื่อย้อนเวลาไปก็พบว่าที่จริงตนเองชอบศิลปะมาตั้งแต่เด็ก แต่ว่าเมื่อถึงเวลาต้องทำมาหาเลี้ยงชีพก็ทำให้หยุดคิดถึงศิลปะไป”

ในวัยทำงาน คุณชุมสายประกอบอาชีพเป็นครูโรงเรียนประถมในจังหวัดชัยนาท เธอเล่าย้อนให้ฟังว่า ครอบครัว พ่อ แม่ ที่เป็นนักดนตรี สร้างแรงบันดาลใจให้เธอเป็นอย่างมาก และความที่ตนชอบใช้เวลาว่างกับการอ่านวรรณคดีไทยจักรๆ วงศ์ๆ นั้นมีส่วนในการบ่มเพาะให้ชอบสร้างสรรค์งานเขียนและงานศิลปะ ในวันนี้ความสำเร็จที่เกิดจากความรักในศิลปะและความเป็นสายเลือดศิลปินของคุณชุมสาย ซึ่งจุดประกายขึ้นมาอีกครั้งเมื่อถึงวัยปลาย กลายเป็นการส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับผู้สูงวัยในการใช้เวลาอย่างมีความสุข และมีประโยชน์ต่อตนเองและสังคม ทั้งลูกชายคือศักดิ์สิริและตัวคุณแม่ชุมสายเองบอกว่า ขณะใช้เวลากับการวาดภาพ คุณแม่ได้การฝึกสมาธิ ลดความโกรธ เสมือนกับการปฏิบัติธรรม

“ลูกของแม่” หรือศักดิ์สิริ กล่าวว่า “เมื่อใครคนหนึ่งอยู่ในโลกศิลปะ ผมเชื่อว่าเขาอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัย”เช่นเดียวกับการใช้เวลาไปอย่างน้อยคราวละหนึ่งชั่วโมงของ “หลานของย่า” หรือ ด.ช.รินคม ลูกชายคนเล็ก
ของศักดิ์สิริ เขาบอกว่า นั่นคือการใช้เวลาอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก “แค่คอยเช็ดสีที่มันเลอะเทอะก็พอ” ศักดิ์สิริกล่าวพร้อมหัวเราะ

ศักดิ์สิริ มีสมสืบ เป็นที่รู้จักดีในฐานะกวีซีไรต์ นักเขียน และนักแต่งเพลงมือฉมัง เจ้าของรางวัลระดับชาติ “ศิลปินศิลปาธร” จากกระทรวงวัฒนธรรม รางวัลผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่นแห่งชาติจากราชบัณฑิตยสถานแห่งชาติ
และรางวัลนานาชาติ รางวัลวรรณกรรมลุ่มน้ำโขง (Mekong River Literature Prize) และล่าสุดเขาได้รับการ
ประกาศเกียรติคุณในฐานะศิลปินแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2559 เมื่อต้นปีนี้เอง

ด.ช. รินคม บุตรชายตัวน้อยวัย 8 ขวบของศักดิ์สิริ เป็นเจ้าของภาพเขียนกว่า 50 ภาพ ในนิทรรศการเดียวกันนี้ ทั้งภาพเขียนพอร์ตเทรตหรือภาพเหมือนคุณพ่อและบรรดาเพื่อนๆ ของพ่อ ตลอดจนภาพเขียนดอกไม้ ต้นไม้ ทิวทัศน์ ซึ่งผู้ชมหลายคนถึงกับเอ่ยว่า ผลงานดูเหมือนมืออาชีพไม่ต่างจากผลงานของผู้เป็นพ่อเลย

ศักดิ์สิริกล่าวว่า “ผมเองไปไหนๆ จะวาดรูปตลอด นั่งรอรถ รถไฟยังไม่มาก็วาด นั่งตรงไหนก็วาด อย่างรินคม เมื่อเช้ากินข้าวกัน กว่าพนักงานจะมาเสิร์ฟอาหารเขาก็วาดรูปพ่อ ได้ 1 รูป…แม้ไม่ได้บังคับให้เขาต้องเป็นศิลปิน แต่ดูแล้วเขาคงจะต้องเป็น เพราะเห็นเขาทำมีความสุขที่ได้ทำ นั่งไปท้ายรถ ไปไหนก็วาดรูป เราไม่ต้องบอกให้เขาวาด เขาวาดของเขาเอง” คุณพ่อศักดิ์สิริเล่าว่า น้องรินคมเริ่มวาดภาพเมื่ออายุได้ 4 ขวบ โดยเรียนรู้จากการได้เห็นผู้ใหญ่ทำงานศิลปะ นอกจากเห็นคุณพ่อทำงานแล้ว ยังมีโอกาสได้ติดสอยห้อยตามไปสังเกตการทำงานของเพื่อนๆ ศิลปินของพ่อ จนเรียกได้ว่ามี “ครู” มากมาย

น้องรินคม วาดภาพด้วยความชอบ เบิกบาน ไม่ซีเรียส นอกจากนี้ยังเรียนเก่ง โดยสอบได้ที่ 6 ของห้อง โดยที่คุณพ่อศักดิ์สิริบอกว่า ไม่เคยเน้นหรือเคี่ยวเข็ญใดๆ เรื่องผลการเรียนของลูก

ศักดิ์สิริบอกว่า สำหรับครอบครัวมีสมสืบแล้ว ทุกอย่างนับเป็นการเรียนหมด “ผมศรัทธาในการเรียนมากกว่าสอน เพราะเป็นการไม่ครอบงำ คนเราควรจะเรียนและมีครูอยู่ทั่วหล้า…โรงเรียนปิดเรียนเราก็บอกลูกว่าโรงเรียนไม่ได้ปิด โรงเรียนเปิดตลอดชีวิต เพราะทุกแห่งทุกหนก็เป็นโรงเรียนหมด มันไม่มีปิดเทอมหรอกมันเรียนตลอดชีวิต…ที่บ้าน เล่นก็คือเรียน เรียนก็คือเล่น ทำอะไรก็เป็นการเรียนรู้หมด ไม่ว่าจะดูหนัง ร้องเพลง เล่นกีตาร์ ทำกับข้าว หรือกิจกรรมอื่นๆ ”

“บางทีแค่ทอดไข่ก็สนุกมาก พี่ทอด น้องทอด พ่อทอด คนละฟอง สูตรใครสูตรมัน กินได้ไม่ได้ช่างมัน” เขาเล่าพร้อมรอยยิ้ม

ในส่วนของภาพเขียนของศักดิ์สิริ ที่จัดแสดงในนิทรรศการครั้งนี้ ได้แก่ ภาพ Drawing รวม 20 ชิ้น ถ่ายทอดประสบการณ์ยามเขาได้เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ อาทิ เว้ ฮอยอัน พุกาม มะละกา และเยรูซาเล็ม
โดยใช้หลากอุปกรณ์ทั้งเศษไม้ กระดาษทิชชู่ กระทั่งฝ่ามือ หรือนิ้ว ในการสร้างสรรค์ผลงาน

“ผมวาดโดยไม่ได้คิดว่ามันจะออกมาสวยหรือไม่สวย แต่วาดเพราะเราได้ไปอยู่ที่ตรงนั้น เมื่อเราวาดลงไป เราจะรู้สึกผูกพันกับสถานที่นั้น เมื่อเราจากที่นั้นไปแล้ว ที่แห่งนั้นจะยังอยู่ในความรู้สึกเรา เพราะว่าเราได้มองสิ่งนั้นอย่างจริงจัง การวาดรูปทำให้เรามองสิ่งนั้นอย่างจริงจัง หากเราวาดรูป เราจะมองต้นไม้ไม่ใช่เพียงต้นไม้ต้นหนึ่ง แต่จะเห็นใบอ่อน ใบแก่ มีลมอ่อนพัดผ่าน กิ่งนี้อยู่หน้า อีกกิ่งอยู่หลัง กิ่งนั้นโดนแสง ตรงนั้นเป็นเงา เราจะเห็นสีของแสงแดด สีของฤดูกาล สีของความเปลี่ยนแปลง” ศักดิ์สิริกล่าว

“สำหรับผมการวาดรูปคือการผจญภัย เราไม่รู้ว่ารูปจะออกมาอย่างไร เนื่องจากเราไม่ยึดติดกับสิ่งที่เราเคยทำ เช่น ถ้าไม่มีพู่กันเราจะวาดได้ไหม หรือจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าขณะวาดภาพอย่างไร นี่คือท้าทายให้เราผจญภัย
ผมถือว่าการวาดภาพเป็นการจำลองการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในชีวิต เช่น การจะวาดภาพทะเล กระดาษนั้นมีพื้นที่จำกัด ทะเลนั้นกว้าง แต่กระดาษเรามีแค่นี้ เราจะทำอย่างไรให้ความกว้างของทะเลอยู่ในกระดาษอันคับแคบ อันนี้เป็นโจทย์
ที่สัมพันธ์กับการใช้ชีวิต”

ผลงานภาพเขียนของ “แม่ของลูก” “ลูกของแม่” และ “หลานของย่า” ในนามครอบครัวมีสมสืบ แสดงให้ผู้ได้เข้าชมได้ประจักษ์ชัดแล้วว่า ชีวิตที่งดงามเกิดจากการได้เรียนรู้โดยปราศจากการจำกัด และศิลปะได้ส่งผลให้สมาชิกของครอบครัวนี้ได้เรียนรู้ที่จะเป็นอิสระ

นิทรรศการศิลป์สามวัย “8 88 60” จัดขึ้นด้วยความร่วมมือ ของ RCB Galleria และ
บริษัทประชาสัมพันธ์ ซิลเลเบิล จัดแสดงที่ RCB Galleria ชั้น 2 ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ แบงค๊อก ถนนเจริญกรุง 24 กรุงเทพมหานคร ถึงวันที่ 10 กันยายน 2560 นี้ ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ คุณนัทธิ RCB Galleria 085 151 9363 หรือ คุณ นภัทร ซิลเลเบิล 088 959 6369

* * * * * * * * * *