ทายาทโอเอ มั่นใจภาครัฐส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยว วอนสังคมเข้าใจหลังมรสุมชีวิต

0
308
image_pdfimage_printPrint

ทายาทโอเอ มั่นใจภาครัฐส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยว วอนสังคมเข้าใจหลังมรสุมชีวิต

นางสาวสายทิพย์ โรจน์รุ่งรังสี กล่าว “ตนอยากอธิบายถึงการท่องเที่ยวที่เป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกนั้น จะแบ่งนักท่องเที่ยวออกเป็น 2กลุ่มใหญ่ๆ คือ นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเองแบบอิสระ หรือ FIT ( Foreign Individual Tourism) อีกแบบคือ นักท่องเที่ยวที่มากับบริษัททัวร์ หรือ GIT (Group Inclusive Tour) นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาแบบ FIT นั้นเป็นนักท่องเที่ยวที่มีการใช้จ่ายสูงกว่าและมีคุณภาพมากกว่านักท่องเที่ยวแบบที่มากับบริษัททัวร์หากคิดแบบ อกเขาอกเรา ถ้าเราไปต่างประเทศครั้งแรก โดยที่เรายังไม่มีความคุ้นเคยกับประเทศนั้นๆเราจะอยากไปด้วยตัวเองหรือไปกับบริษัททัวร์การเดินทางด้วยตนเองย่อมมีอิสระมากกว่าแต่ก็อาจจะมีปัจจัยในเรื่องของความปลอดภัย ความสะดวกสบายการไม่รู้สถานที่ท่องเที่ยว เส้นทางต่างๆ แม้กระทั่งการใช้ภาษาการสื่อสารกับคนต่างถิ่นดังนั้นส่วนใหญ่แล้วนักท่องเที่ยวที่เดินทางในครั้งแรกๆจะเป็นการท่องเที่ยวแบบซื้อแพคเกจผ่านบริษัททัวร์ซึ่งมีราคาที่ถูกกว่าการเดินทางมาท่องเที่ยวแบบอิสระแต่ก็ต้องแลกกับการที่จะต้องลงไปร้านขายของที่ระลึก เช่น ซื้อแพคเกจทัวร์ไปเที่ยวเกาหลี ลูกทัวร์ก็จะต้องแวะร้านโสม ร้านสมุนไพร ร้านขายน้ำมันสน ร้านดิวตี้ฟรี ฯลฯ หรือถ้าไปประเทศจีนก็ต้องไปร้านขายบัวหิมะ ร้านหยก ร้านใบชา หรือร้านค้าต่างๆ ที่ทางบริษัททัวร์จัดให้ไปซึ่งร้านต่างๆเหล่านี้ก็จะมีค่าตอบแทนให้กับไกด์ท้องถิ่นหัวหน้าทัวร์ที่พานักท่องเที่ยวไปและทางบริษัทนำเที่ยวจะได้กำไรก็ต่อเมื่อลูกทัวร์ซื้อสินค้าเพื่อมาหักกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นเรื่องปรกติของการท่องเที่ยวแบบGIT สามารถหาดูได้ตามโปรแกรมทัวร์ต่างๆ ซึ่งระบบนี้ใช้กันทั่วโลกทำให้ราคาการท่องเที่ยวแบบGITนั้นมีราคาที่ถูกกว่าการท่องเที่ยวแบบFITถึงเกือบเท่าตัว

ส่วนเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญ ในประเทศไทยจะมีบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการทัวร์อยู่ ประมาณ 4-5 เจ้าซึ่งล้วนแต่ทำธุรกิจท่องเที่ยวแบบเดียวกันมานานหลายสิบปีมีบริการรถทัวร์ไว้ให้สำหรับบริษัทนำเที่ยวเช่าในการพาลูกทัวร์ไปเที่ยวที่ต่างๆและแต่ละบริษัทแต่ละเจ้าก็จะมีเครือข่ายร้านค้าไว้สำหรับนักท่องเที่ยวเพื่อแวะซื้อของซึ่งเป็นระบบที่ทำกันทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศจีน ซึ่งมีปริมาณมากกว่า 8ล้านคนต่อปีโดยส่วนใหญ่ประมาณ90%จะเดินทางเข้ามาแบบGITปัจจุบันทางรัฐบาลจีนได้ออกกฎหมายเกี่ยวกับการท่องเที่ยวต่างประเทศของประชาชนจีนว่าบริษัทนำเที่ยวจำเป็นต้องระบุสถานที่ที่จะพาลูกทัวร์ไปแบบละเอียดไว้ในโปรแกรมนำเที่ยวซึ่งหากบริษัทนำเที่ยวนั้นไม่พานักท่องเที่ยวไปยังจุดต่างๆที่ตกลงกันไว้ก็จะถือเป็นการผิดสัญญาโดยนักท่องเที่ยวหรือลูกทัวร์สามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัทนำเที่ยวได้เลย ดังนั้นข่าวที่บอกว่ามีการหลอกลวงนักท่องเที่ยวให้ไปซื้อสินค้าตามที่ต่างๆ จึงไม่เป็นความจริง ส่วนประเด็นที่มีข่าวว่าเงินที่นักท่องเที่ยวใช้จ่ายนั้นไม่กระเด็นไปสู่คนไทยนั้นก็ไม่เป็นความจริงเพราะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนั้น จะประกอบไปด้วยฟันเฟืองหลายตัว เช่น ร้านอาหาร ร้านขายของ ซึ่งฟันเฟืองต่างๆเหล่านี้ได้ตอบแทนประเทศชาติโดยแปลงสภาพเป็นภาษีต่างๆหรือการหมุนเวียนของเม็ดเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยแม้กระทั่งสินค้าที่ขายตามแหล่งชอบปิ้งต่างๆก็ล้วนมาจากประเทศไทย รวมไปถึงพนักงานขับรถบัส พนักงานโรงแรมก็ล้วนได้รับผลประโยชน์ด้วยเช่นกัน ตนจึงขอความเมตตาจากสังคม อย่าเข้าใจเราผิด ให้เรามีที่ยืนบนธุรกิจที่เรารักด้วยนะค่ะ