ดี-แลนด์ฯ โชว์ยอดขายปี’58 10 เดือน ทะลุ 1,000 ล้าน!โต 30% พร้อมกางแผนธุรกิจปี’59 เตรียมบุกทุกเซกเมนต์

0
368
image_pdfimage_printPrint

Ban-Dee-Aekachai-Plus-re

ประกาศเดินหน้า และเติบโตอย่างต่อเนื่องสำหรับดี-แลนด์ กรุ๊ปบริษัทอสังหาฯ เจ้าถิ่นเมืองท่าสมุทรสาคร หลัง10 เดือนกวาดรายได้ทะลุ 1,000 ล้านลั่นสิ้นปีแตะเป้า1,200 ล้าน พร้อมเติบโตอีก 60% คาดการณ์ปีหน้าตลาดอสังหาฯ ยังโตต่อเนื่องรับแรงกระตุ้นจากมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลที่กำลังทยอยออกมาเพิ่มเติม ประกาศกลยุทธบุกอสังหาฯ ทั้งกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และโซนตะวันออก พร้อมกระจายการลงทุนในทุกเซกเมนต์
นายศิริพงษ์ สมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี-แลนด์ กรุ๊ป จำกัด บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ ตอนใต้ สมุทรสาคร และโซนภาคตะวันออก เปิดเผยถึงภาพรวมผลประกอบการของบริษัทในช่วง 10 เดือน (มกราคม-ตุลาคม 2558) กวาดยอดขายไปแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท จากเป้าหมายที่วางไว้ทั้งปีที่ 1,200 ล้านบาท โดยเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 30% ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมียอดขายตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แน่นอน โดยจะมาจากBacklog ที่สะสมอยู่ในมืออีกประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งหากสามารถทำได้ตามเป้าหมายจะเติบโตจากปีที่แล้วในอัตราเติบโตที่ 60%
“ปีนี้ที่เราสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าที่วางไว้นั้น นอกจากจะเพราะมาตรการกระตุ้นอสังหาฯจากรัฐบาลที่มีผลเป็นรูปธรรมในช่วง Q3 แล้ว อีกส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่เราสามารถพัฒนาโครงการใหม่ๆ ออกมาได้สอดคล้องรองรับความต้องการลูกค้าเพิ่มมากขึ้น อาทิ โครงการ The Proud พระราม 2 ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวที่มีทำเลอยู่กลางเมืองจริงๆ ในราคาเริ่มต้นที่ 4.5 ล้าน และได้รับการตอบรับที่ดีมากจากจำนวน 77 ยูนิต เราสามารถปิดการขายได้ เกือบ 50% แล้ว ภายในระยะเวลาเพียง 5 เดือนเท่านั้น นอกจากนี้ยังมี โครงการดีคอมเพล็กซ์ พระราม 2 ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ขนาด 14 ยูนิต ที่สามารถปิดการขายได้ภายในวันเดียว และโครงการดีคอมเพล็กซ์ ศรีราชา-ปิ่นทอง 1ใน Concept อาคารพาณิชย์กึ่งอพาร์ทเม้นท์ที่ยังคงมียอดขายที่แรงต่อเนื่อง จากจำนวนทั้งหมด 115 ยูนิต ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 90% ภายในระยะเวลา 1 ปี เท่านั้น”
นอกจากนี้ศิริพงษ์ ยังได้วิเคราะห์ถึงแนวโน้มการเติบโตของอสังหาฯ ในปี 2559 เพิ่มเติมอีกด้วยว่ายังคงมองตลาดเป็นไปในทิศทางบวก เนื่องจากอสังหาฯมีแนวโน้มการเติบโตดีกว่าปีนี้ สืบเนื่องจากมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ อาทิ แรงส่งจากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯระยะสั้นทั้งการลดค่าธรรมเนียมโอน ค่าจดจำนอง ซึ่งจะหมดลงภายใน Q1 ของปี 2559 รวมถึงโครงการบ้านหลังแรกไม่เกิน 3 ล้านบาท ที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ปีละ 600,000 บาท ในเวลา5 ปี ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนธันวาคม2559 ซึ่งเมื่อสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นดังกล่าว ในปีหน้าก็ยังมีแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากโครงการลงทุนสาธารณูปโภคพื้นฐานจากภาครัฐ ทั้งทางน้ำ ทางบก ทางอากาศ โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนจากภาครัฐกว่า3 แสนล้านบาท ลงมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งมีผลทางบวกโดยตรงกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
สำหรับปัจจัยลบนั้น ศิริพงษ์ มองว่ายังเป็นปัญหาเดิมที่ส่งผลต่อเนื่องมาจากปี 2558 นั้นคือเรื่องของภาระหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง และความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีความอ่อนไหว และส่งให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกของไทยมากพอสมควรโดยมองว่าปัญหาดังกล่าวจะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปีหน้า
สำหรับแผนรับมือกับตลาดอสังหาฯ ในปีหน้านั้นบริษัทฯได้มีการวางแผนที่จะขยายตัวจากสมุทรสาคร เข้าสู่กรุงเทพ–ปริมณฑลและโซนภาคตะวันออก โดยเฉพาะชลบุรีเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นโซนที่ยังมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ และอสังหาริมทรัพย์ที่ดีในอนาคต ซึ่งในส่วนของการพัฒนาสินค้าก็จะมีการปรับสัดส่วนใหม่ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าและตลาดมากขึ้น โดยจะแบ่งเป็นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ออกเป็นประเภทที่อยู่อาศัย(Residential)ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมประมาณ 45% และอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าและการลงทุน(Product For Investment)อีกประมาณ45% โดยจะเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากโครงการ ดีคอมเพล็กซ์ศรีราชา-นิคมปิ่นทอง 1 พร้อมกันนี้ยังมองถึงการพัฒนาอสังหาฯ เพื่อการลงทุนในรูปแบบอื่นๆ เข้ามาเสริมอีก โดยจะจับกลุ่มทั้งนักลงทุน รวมทั้งพนักงานประจำที่ต้องการมีสินทรัพย์และรายได้ในระยะยาวไว้เลี้ยงตัวเองหลังเกษียณอายุโดยจะเป็นการเพิ่มกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพเพื่อแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือน นอกจากนี้จะมีแผนการพัฒนาอสังหาฯ ประเภทเช่าที่สร้างรายได้ประจำหรือ Recurring Incomeอีก 10% เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงและกระจายการลงทุนอีกด้วย
“โดยรวมแล้วมองว่าปีหน้าตลาดอสังหาฯ ยังมีแรงบวกอยู่ ซึ่งเป็นการทำงานที่ท้าทายสำหรับบริษัทฯ ในการช่วงชิงโอกาสจากปัจจัยบวกดังกล่าวมาพัฒนาและบริหารธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้ ซึ่งจะต้องศึกษาและเตรียมแผนการรับมือโดยพิจารณาทั้งทำเล รูปแบบของโครงการ และเรียลดีมานด์ที่มีอยู่จริง ในทำเลนั้นๆ โดยกลยุทธ์ของ ดี-แลนด์ กรุ๊ป ในปีหน้าคือ เน้นการกระจายการลงทุน และแบ่งสัดส่วนการพัฒนาสินค้าตามความต้องการของตลาด ซึ่งจะเป็นแนวทางในการเดินหน้าสู่เป้าหมายของเราต่อไป”ศิริพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย