ดาว เคมิคอล เผยกำไรต่อหุ้นที่ 0.79 เหรียญสหรัฐ หรือ 0.65 เหรียญสหรัฐ ตามการปรับเปลี่ยนทางบัญชี เพิ่มขึ้นร้อยละ 97 เทียบกับไตรมาส 4 ของปี 2555 กำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อมราคาที่ได้ปรับปรุงแล้ว (Adjusted EBITDA) เพิ่มขึ้นเกือบ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ จากผลกำไรในทุกหน่วยผลิต ด้านอัตรากำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อมราคาของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น 300 เบซิสพอยต์ กำไรต่อหุ้นที่ได้ปรับปรุงแล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 31 และมีกระแสเงินสดในภาคการผลิตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 7.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2556
รายงานผลประกอบการไตรมาส 4
ในไตรมาส 4 ของปี 2556 บริษัท ดาว เคมิคอล (NYSE: DOW) มียอดขาย 1.44 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 หรือคิดเป็นร้อยละ 4 หลังการปรับปรุงทางบัญชี โดยบริษัทฯ มียอดขายเพิ่มขึ้นในแทบทุกหน่วยผลิต ทั้งนี้ หน่วยผลิตที่มีรายได้หลังการปรับปรุงทางบัญชี ประจำไตรมาส 4 สูงสุด ได้แก่ กลุ่มวิทยาศาสตร์การเกษตร (เพิ่มขึ้นร้อยละ 13) กลุ่มเคมีภัณฑ์สำหรับงานเคลือบและโครงสร้างพื้นฐาน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 10) และกลุ่มเคมีภัณฑ์พิเศษสำหรับพลาสติก (เพิ่มขึ้นร้อยละ 8)
บริษัทฯ มีปริมาณขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 หรือคิดเป็นร้อยละ 3 หลังการปรับปรุงทางบัญชี โดยแทบทุกหน่วยผลิตของบริษัทฯ ในแทบทุกภูมิภาคของโลกมีผลกำไรเพิ่มขึ้น นำโดยยอดขายในกลุ่มประเทศที่เศรษฐกิจกำลังเติบโตและในสหรัฐอเมริกา ส่วนราคาหุ้นของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เป็นผลจากการที่ผลิตภัณฑ์กลุ่มเคมีภัณฑ์พิเศษสำหรับพลาสติกมียอดขายเพิ่มขึ้น (ร้อยละ 7) และกลุ่มเคมีภัณฑ์พิเศษ (Performance Materials) มียอดขายเพิ่มขึ้น (ร้อยละ 1)
สำหรับกำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ในไตรมาส 4 มีมูลค่า 2.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 2.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หลังการปรับปรุงทางบัญชี ซึ่งเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 31 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากการที่ทุกหน่วยผลิตมีกำไรเพิ่มขึ้น ด้านอัตรากำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อมราคาหลังการปรับปรุงทางบัญชีเพิ่มขึ้นกว่า 300 เบซิสพอยต์
นอกจากนี้ ดาว เคมิคอล ยังรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 4 ว่า มีกำไรต่อหุ้นที่ 0.79 เหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 0.65 เหรียญสหรัฐ ตามการปรับปรุงทางบัญชี หลังจากบริษัทฯ ได้รายงานผลประกอบการขาดทุนหุ้นละ 0.61 เหรียญสหรัฐ ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า หรือคิดเป็น 0.33 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นหลังการปรับปรุงทางบัญชี
ค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนา รวมทั้งค่าใช้จ่ายจากการขาย ค่าใช้จ่ายทั่วไป และค่าใช้จ่ายในการบริหาร เพิ่มขึ้น 111 ล้าน-เหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากการที่บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในกลุ่มวิทยาศาสตร์การเกษตร และการจ่ายค่าตอบแทนให้แก่พนักงานทั้งบริษัทฯ โดยยึดตามผลการดำเนินงาน
นอกจากนี้ ปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในไตรมาสดังกล่าว ประกอบด้วย ยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจสิทธิบัตรและตัวเร่งสารโพลีโพรพีลีน รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการล้างบัญชีหนี้สินออกจากบัญชีของบริษัทฯ และค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
บริษัทฯ มีรายได้จากส่วนผู้ถือหุ้น 254 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 264 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังการปรับปรุงทางบัญชี เทียบกับรายได้ที่ 44 ล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า หรือคิดเป็น 206 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังการปรับปรุงทางบัญชี รายได้ที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลมาจากผลิตภัณฑ์กลุ่มเอธิลีนที่มีปัจจัยพื้นฐานดีขึ้นทั่วโลก และผลประกอบการของดาว คอร์นิ่ง ที่ดีขึ้นเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การปรับโครงสร้างของบริษัทฯ ตามที่ได้ประกาศไปเมื่อปี 2555 นั้น นับว่าประสบความสำเร็จมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ ลดค่าใช้จ่ายลงได้มากกว่าเป้าหมายที่ 500 ล้านเหรียญสหรัฐในปีที่ผ่านมา โดยกระแสเงินสดจากหน่วยผลิตงานที่ 2.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาสสุดท้าย ส่งผลให้บริษัทฯ มีกระแสเงินสดจากการปฏิบัติงานตลอดทั้งปีที่ 7.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ หากไม่นับผลงานของเค-ดาว บริษัทฯ นับว่ามีกระแสเงินสดจากการปฏิบัติงานตลอดทั้งปีมากกว่า 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการดำเนินกิจการของบริษัทฯ รวมถึงมาตรการลดหนี้สินของบริษัทฯ ในช่วงไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมาส่งผลด้านบวกต่องบดุลของบริษัทฯ โดยสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อมราคาอยู่ที่ 1.4 เท่า และหนี้สินสุทธิต่อเงินทุนอยู่ที่ร้อยละ 30 ซึ่งทั้งสองรายการนับว่าอยู่ที่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตลอดประวัติการดำเนินกิจการของบริษัทฯ
ดาว เคมิคอล จ่ายผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นเป็นมูลค่ากว่า 550 ล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาส 4 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการมอบผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง
นาย แอนดรูว์ ลิเวอริส ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ดาว เคมิคอล กล่าวว่า “ผลประกอบการในไตรมาส 4 และผลประกอบการตลอดทั้งปีของบริษัทฯ เกิดจากการปฏิบัติงานอย่างแข็งขันตลอดทั้งปีเพื่อให้ได้ผลตามเป้าหมายและตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ เรามีรายได้เพิ่มขึ้นสูงมาก มีอัตราส่วนผลกำไรเพิ่มขึ้น และมีผลกำไรต่อทุนดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งล้วนเป็นผลสำเร็จจากการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ของบริษัทฯ ตลอดปี 2556 บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจแบบบูรณาการอย่างมีวินัย และบริหารสินทรัพย์เพื่อสร้างการเติบโตและจ่ายผลตอบแทนให้ได้ตามเป้าหมายที่ภาคธุรกิจได้กำหนดไว้ตลอดไตรมาส 4 ของปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้จากการที่บริษัทฯ มีกำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นในทุกหน่วยผลิต”
“เรายังคงดำเนินงานอย่างขันแข็งเพื่อบริหารจัดการหลักทรัพย์ในครอบครองของบริษัทฯ ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ สังเกตได้จากการดำเนินงานเพื่อถอนทุนมูลค่า 850 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2556 และความพยายามที่จะเพิ่มรายรับอีก 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากธุรกิจเคมีภัณฑ์ การวางแผนกลยุทธ์และการดำเนินงานของเราทำให้บริษัทฯ มีกระแสเงินสดมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ เรายังคงมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ในการจ่ายผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นมากขึ้น รวมทั้งเดินหน้าสนับสนุนโครงการที่มีความสามารถในการให้ผลตอบแทนสูง และปรับปรุงโครงสร้างเงินทุนของเราให้ดียิ่งขึ้นอีก”
ผลประกอบการประจำปี 2556
สำหรับผลประกอบการตลอดปี 2556 บริษัท ดาว เคมิคอล มียอดขาย 5.71 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 หลังการปรับปรุงทางบัญชี และไม่รวมยอดขายวัตถุดิบพื้นฐานสำหรับภาคอุตสาหกรรม (Feedstocks) และพลังงาน โดยบริษัทฯ มียอดขายเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาคของโลก ยกเว้นเพียงกลุ่มประเทศยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA)
ด้านกำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อมราคาตลอดทั้งปีของบริษัทฯ อยู่ที่ 1.05 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 8.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ หลังการปรับปรุงทางบัญชี โดยบริษัทฯ เพิ่มอัตราส่วนกำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อมราคาได้เกือบ 150 เบซิสพอยต์ สำหรับหน่วยผลิตที่ประสบความสำเร็จสูงสุดคือกลุ่มเคมีภัณฑ์พิเศษสำหรับพลาสติกที่มีอัตราส่วนกำไรเพิ่มขึ้นเกือบ 700 เบซิสพอยต์ จากการเพิ่มคุณค่าและเพิ่มความได้เปรียบในสินค้าประเภทวัตถุดิบพื้นฐานสำหรับภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งความสำเร็จอย่างโดดเด่นในการสร้างความแตกต่างด้านเทคโนโลยีให้แก่ตลาดสินค้าปลายน้ำประเภทหลักๆ อาทิ กลุ่มสินค้าประเภทบรรจุภัณฑ์
ทั้งนี้ บริษัทฯ เปิดเผยว่ากำไรในส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ระดับสูงกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับระดับ 536 ล้านเหรียญสหรัฐในปีก่อนหน้า หรือคิดเป็นมูลค่า 698 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังการปรับปรุงทางบัญชี ซึ่งรายได้รวมตลอดทั้งปี 2556 เท่ากับ 3.68 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น หรือคิดเป็น 2.48 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นหลังการปรับปรุงทางบัญชี เทียบกับรายได้ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 0.70 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นหรือคิดเป็น 1.90 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นหลังการปรับปรุงทางบัญชี
บริษัทฯ เร่งลดค่าใช้จ่ายและดำเนินมาตรการด้านการบริหารรายการสินทรัพย์ตลอดทั้งปี ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯ สามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้มากกว่าเป้าหมายที่ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ และสามารถถอนทุนออกจากทรัพย์สินและธุรกิจที่ไม่สนองต่อกลยุทธ์ของบริษัทฯ ได้ราว 850 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับรายการอื่นๆ ที่สำคัญในปีที่ผ่านมาของบริษัทฯ ประกอบด้วย รายได้จากการชนะคดี เค-ดาว รายได้จากธุรกิจการอนุญาตใช้สิทธิในเทคโนโลยีการผลิตเม็ดพลาสติกโพลิโพรไพลีนและธุรกิจการจำหน่ายตัวเร่งปฏิกริยาในกระบวนการผลิตเม็ดพลาสติกโพลิโพรไพลีน รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการล้างหนี้สินก่อนหน้านี้ ส่วนค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนา และค่าใช้จ่ายจากการขาย ค่าใช้จ่ายทั่วไป และค่าใช้จ่ายในการบริหารตลอดทั้งปีเพิ่มขึ้น 202 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการที่บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์การเกษตร และการจ่ายค่าตอบแทนให้แก่พนักงานโดยยึดตามผลการดำเนินงาน
นอกจากนี้ ในปี 2556 บริษัทฯ ยังมุ่งลดหนี้สินซึ่งส่งผลให้บริษัทฯ สามารถลดหนี้สินมวลรวมลงได้ 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ และตลอดทั้งปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังลดการจ่ายดอกเบี้ยลงได้ราว 170 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
นายแอนดรูว์ กล่าวถึงภาวะการณ์ข้างหน้าของบริษัทฯ ว่า “ในปี 2556 เราทำงานได้เหนือกว่าเป้าหมาย แม้ว่าสภาพแวดล้อมของตลาดจะมีความท้าทายอยู่ตลอดทั้งปี สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารงานในทุกภาคส่วนของธุรกิจ เพื่อสร้างสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน สำหรับปี 2557 แม้เราจะมองว่าภาพรวมทางเศรษฐกิจจะมีทิศทางบวก แต่การเติบโตของเศรษฐกิจโลกยังคงมีความไม่แน่นอน และสามารถสร้างความผันผวนให้แก่ ภาคธุรกิจได้ อย่างไรก็ดี บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าเราจะยังคงสามารถสร้างคุณค่าให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง”
“เราจะยังคงเร่งดำเนินมาตรการต่างๆ ที่มุ่งเน้นการเพิ่มผลตอบแทนต่อเงินทุน สร้างความเติบโตด้านผลกำไร และเพิ่มปริมาณเงินสดของบริษัทฯ โดยเราจะเดินหน้าเจาะตลาดกลุ่มผู้ใช้สินค้าซึ่งเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ และลดการถือครองสินทรัพย์ที่มีความซับซ้อนแต่ไม่ตรงกับเป้าหมายทางกลยุทธ์ของบริษัทฯ รวมทั้งเราจะยังคงมุ่งมั่นในการผลิตและควบคุมค่าใช้จ่ายให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้”
“เราจะยังคงจัดสรรเงินทุนอย่างรอบคอบ โดยมุ่งเน้นโครงการที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง อาทิ การเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ ภายใต้บริษัท ดาว อะโกรไซแอนส์ รวมทั้งการเดินหน้าลงทุนในธุรกิจนอกชายฝั่งสหรัฐ และในบริษัทร่วมทุน ซาดาร่า ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการในการดำเนินธุรกิจของเราที่ให้ความสำคัญต่อการบริหารต้นทุน และยกระดับการดำเนินธุรกิจปลายน้ำของบริษัทผู้ค้ารายย่อยในเครือ
“เราจะยังคงสานต่อการทำงานในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ด้วยการเน้นให้ความสำคัญกับมาตรการต่างๆ ที่จะช่วยเพิ่มรายรับและเพิ่มคุณค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นของเราต่อไปในปี 2557 นี้”
เกี่ยวกับ ดาว
บริษัท ดาว เคมิคอล (NYSE: DOW) ผสานพลังของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการสร้างสรรค์นวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อความก้าวหน้าและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คนในโลก บริษัทฯ ขับเคลื่อนนวัตกรรมด้วยวิทยาศาสตร์ 3 แขนง ได้แก่เคมี ฟิสิกส์ และชีววิทยา เพื่อมุ่งแก้ปัญหาที่ท้าทายยิ่งของโลก อาทิ ปัญหาขาดแคลนน้ำสะอาด การผลิตและการอนุรักษ์พลังงาน และการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ทั้งนี้ ดาว เคมิคอล ผู้นำทางด้านอุตสาหกรรมทั้งเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ วัสดุทางเทคโนโลยีชั้นสูงต่างๆ วิทยาศาสตร์การเกษตร และธุรกิจพลาสติกที่หลากหลาย ได้นำเสนอทั้งผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นต่าง ๆ ให้แก่ลูกค้าในมากกว่า 180 ประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจที่มีการเติบโตสูง เช่น ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ อิเล็กทรอนิกส์ น้ำ สารเคลือบผิว รวมทั้งธุรกิจทางการเกษตร โดยในปี พ.ศ. 2556 บริษัทฯ มียอดขายทั่วโลกประมาณ 5.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ บาท)มีพนักงานจำนวน 53,000 คนทั่วโลก และมีผลิตภัณฑ์มากกว่า 6,000 รายการ ซึ่งผลิตจากโรงงาน 201 แห่ง ใน 36 ประเทศ ทั้งนี้คำว่า “บริษัทฯ” หรือ “ดาว” หมายถึงบริษัท ดาว เคมิคอล และบริษัทในเครือ ยกเว้นเมื่อระบุไว้เป็นอย่างอื่น สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.dow.com .
