ผู้ประกอบการไมซ์ญี่ปุ่นยกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางหลักสำหรับการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติ เผยไทยมีความพร้อมด้านสถานที่จัดงาน และสิ่งอำนวยความสะดวกต่อนักธุรกิจไมซ์ เล็งจัดงานทั้งเมืองหลักและเมืองรอง กรุงเทพฯ พัทยา เชียงใหม่ หัวหิน ขอนแก่น และกระบี่ ชี้แผนพัฒนาอีอีซีและระบบขนส่งช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันอุตสาหกรรมไมซ์ไทย ด้านทีเส็บเผยผลสำเร็จจัดโรดโชว์เจาะตลาดประชุมและการแสดงสินค้านานาชาติในประเทศญี่ปุ่น ดึงงานจัดในไทยกว่า 10 งาน คาดปีนี้สร้างรายได้จากตลาดไมซ์ญี่ปุ่นไม่ต่ำกว่า 4,848 ล้านบาท
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า “เมื่อเร็วๆ นี้ ประเทศไทยโดย “ไทยทีม” ซึ่งประกอบด้วย ทีเส็บ การบินไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และผู้ประกอบการไมซ์ไทย ได้ผนึกกำลังกันจัดกิจกรรมโรดโชว์เพื่อส่งเสริมการตลาดไมซ์ภายใต้แคมเปญ Thailand CONNECT ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยมุ่งเจาะตลาดการประชุมและการแสดงสินค้านานาชาติในญี่ปุ่น เนื่องจากสัดส่วนการตลาดด้านการประชุมและการแสดงสินค้านานาชาติประเทศญี่ปุ่นนั้นรวมกันกว่า 65% ของนักธุรกิจไมซ์ญี่ปุ่นทั้งหมด ซึ่งประเทศไทยได้นำเสนอความพร้อมของธุรกิจไมซ์ไทยในตลาดญี่ปุ่น ทั้งการสร้างความเชื่อมั่นด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย รวมถึงนโยบายการส่งเสริมการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และสนับสนุนการดึงงานและการจัดงานประชุมและงานแสดงสินค้าภายใต้กรอบการพัฒนาประเทศไทย 4.0 ความพร้อมของหน่วยงานรัฐภายใต้ “ไทยทีม” ในการอำนวยความสะดวกสำหรับการนำสินค้าเข้ามาจัดกิจกรรมไมซ์ในประเทศไทย รวมทั้งการนำเสนอแพคเกจต่างๆ เพื่อส่งเสริมการจัดประชุมนานาชาติและงานแสดงสินค้านานาชาติ โดยได้มีการเปิดโอกาสให้ผู้จัดงานแสดงสินค้าของไทยและญี่ปุ่นได้พบปะเจรจาเพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ การสัมมนาพิเศษเจาะลึกสองกลุ่มตลาดแนะนำประเทศไทยในมุมมองของกลุ่มการประชุมนานาชาติและการแสดงสินค้านานาชาติ โดยมีผู้ประกอบธุรกิจไมซ์และนักธุรกิจระดับสูงในระดับตัดสินใจในตลาดญี่ปุ่นกว่า 100 ราย เข้าร่วมงาน
“ผลที่ได้จากการจัดกิจกรรมโรดโชว์ในครั้งนี้ ประเทศไทยประสบความสำเร็จในการดึงดูดผู้ประกอบการไมซ์ประเทศญี่ปุ่นเข้ามาจัดงานในประเทศไทยรวมกว่า 10 งาน คิดเป็นรายได้เข้าประเทศรวมกว่า 575 ล้านบาท โดยในกลุ่มงานแสดงสินค้านานาชาตินั้น ในปี 2562 มีจำนวน 3 งาน เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสุขภาพ, อาหาร และสันทนาการ ส่วนในปี 2563 เป็นต้นไปมีจำนวน 3 งาน โดยเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมโดรน, ออแกนิค และเกม และยังมีงานจากบริษัทผู้จัดงานด้าน สุขภาพและความงาม, ไอที และของขวัญ ซึ่งให้ความสนใจจัดงานในประเทศไทยอีกหลายงาน ส่วนงานประชุมนานาชาตินั้น ก็มีผู้จัดงานที่ให้ความสนใจนำงานเข้ามาจัดในประเทศไทย อาทิ งานประชุมนานาชาติด้านความร่วมมือขององค์กรภายในอุตสาหกรรมการบินในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก (Asia Pacific Aerospace Quality Group Meeting (APAQG) ซึ่งเคยจัดขึ้นในประเทศไทยมาเมื่อปีที่แล้ว และคาดว่าจะกลับมาจัดอีกครั้งในปี 2562 หรือ 2563 ดำเนินการโดยองค์การนานาชาติด้านการพัฒนามาตรฐานระบบบริหารคุณภาพสำหรับอุตสาหกรรมการบิน (International Aerospace Quality Group) รวมถึงงานประชุมนานาชาติสมัชชาด้านวิทยาศาสตร์การสื่อสาร (General Assembly of the International Union of Radio Science (URSI) ซึ่งมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 1,500 คน คาดว่าจะจัดขึ้นในปี 2566 ดำเนินการโดยสหภาพวิทยาศาสตร์สากล (International Union of Radio Science) เป็นต้น
สำหรับในปีนี้ มีผู้จัดงานรายใหญ่จากญี่ปุ่นที่เตรียมนำงานเข้ามาจัดในประเทศไทยหลายงาน ได้แก่ งานประชุมนานาชาติของสมาคมพิษวิทยาแห่งเอเซีย (The 8th International Congress of Asian Society of Toxicology : ASIA TOX 2018) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-20 มิถุนายนนี้ ที่ศูนย์ประชุมพีชและรอยัล คลิฟ โฮเต็ล กรุ๊ป พัทยา และงานประชุมนานาชาติว่าด้วยองค์ความรู้ด้านการเร่งปฏิกิริยาทางเคมีและผลิตภัณฑ์ที่มีการตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบและเทคโนโลยีการผลิตสะอาด (International Symposium on Catalysis and Fine Chemicals 2018 : C&FC 2018) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-14 ธันวาคม ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยญี่ปุ่นเป็น 1 ใน 10 อันดับสูงสุดของประเทศที่มีนักเดินทางไมซ์เดินทางมาในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในปี 2561 ตลาดไมซ์ญี่ปุ่นจะเติบโตประมาณ 5% สามารถดึงนักธุรกิจไมซ์ญี่ปุ่นเข้าสู่ประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 52,723 คน ซึ่งจะสร้างรายได้ให้เศรษฐกิจของประเทศไม่ต่ำกว่า 4,848 ล้านบาท”
มร.ยูกิโอะ โอคุดะ ประธาน บริษัท พาราบ๊อกซ์ จำกัด ผู้ประกอบการไมซ์จากประเทศญี่ปุ่น และผู้จัดงานแสดงสินค้ามหกรรมรถบรรทุกนานาชาติ หรือ Thailand International TRUCK Show (TTS) กล่าวว่า ผู้จัดงานไมซ์ญี่ปุ่นยกให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญของการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นเมืองหลักหรือเมืองรอง อาทิ กรุงเทพฯ พัทยา เชียงใหม่ หัวหิน ขอนแก่น หรือแม้แต่กระบี่ เนื่องจากเล็งเห็นถึงความพร้อมของสถานที่จัดงาน และข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจของโรงแรมที่พัก สิ่งแวดล้อมสำหรับการจัดงานไมซ์ที่ถูกพัฒนามาอย่างดี มีความพร้อมสามารถดึงดูดผู้จัดงาน (Event Organizer) ตัวแทนท่องเที่ยว (Travel Agent) และผู้ที่มีความชำนาญด้านการจัดประชุมนานาชาติ (Professional Conference Organizer :PCO) ได้ ซึ่งการที่ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางหลักของงานแสดงสินค้านานาชาติ นับเป็นจุดแข็งที่ก่อให้เกิดผลทางเศรษฐกิจมหาศาล เพราะปกติแล้วงานแสดงสินค้านานาชาติมักจะจัดที่เดียวกันในทุกๆ ปี ต่างจากงานประชุมนานาชาติที่จะเปลี่ยนสถานที่จัดงานไปเรื่อยๆ”
โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ พิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ของรัฐบาลไทยจะส่งผลต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้าในประเทศไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีการพัฒนาด้านโลจิสติกส์ให้สามารถรองรับและเติบโตไปพร้อมกันด้วย งานมหกรรมรถบรรทุกนานาชาติที่จะเกิดขึ้นในปี 2562 เป็นการจัดขึ้นครั้งที่ 3 แล้ว โดยจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2558 และ 2560 ตามลำดับ นับเป็นงานแสดงสินค้าทางด้านรถบรรทุกที่ใหญ่ที่สุดของอาเซียน โดยเน้นผู้ประกอบการบีทูบี (Business to Business : B2B) เปิดโอกาสให้ผู้ซื้อและผู้ขายเจรจาธุรกิจกันโดยตรง มุ่งเน้นการพัฒนาระบบขนส่งรถบรรทุกให้มีความก้าวหน้า ซึ่งถือเป็นระบบโลจิสติกส์ที่สำคัญในภาคธุรกิจ มีเป้าหมายพัฒนาวงการโลจิสติกส์ไทยให้เติบโต ก้าวหน้าและมีประสิทธิภาพ เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของผู้ประกอบการสู่การแข่งขันในตลาดโลก กลุ่มเป้าหมายหลักที่จะเข้าร่วมจัดงานแสดงในครั้งนี้ คือ ผู้ผลิตและตัวแทนจำหน่ายรถบรรทุก ตัวแทนจำหน่ายอะไหล่ และหัวลากรถบรรทุก โดยคาดหวังให้ระบบขนส่งไทยขยายตัวมากขึ้นในอนาคต เพื่อนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจและนำมาซึ่งการแสดงสินค้านานาชาติอื่นๆ อาทิ เครื่องจักร บรรจุภัณฑ์ อาหาร เทคโนโลยีการผลิต สภาพแวดล้อม ความปลอดภัย เครื่องสำอาง ของขวัญ และสัตว์เลี้ยง เป็นต้น
ด้าน นายสืบพงษ์ สมิตทันต์ ผู้อำนวยการกลุ่มโครงการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด หนึ่งในบริษัทผู้จัดงานไทยผู้ร่วมกิจกรรมโรดโชว์เพื่อส่งเสริมการตลาดไมซ์ภายใต้แคมเปญ Thailand CONNECT ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า การเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ทำให้บริษัทได้พบคู่ค้าที่มีศักยภาพจากประเทศญี่ปุ่นที่กำลังมองหาความร่วมมือในการเป็นตัวแทนขายและพันธมิตรด้านการจัดงานในประเทศไทย ซึ่งบริษัทเองมีความแข็งแกร่งทั้งด้านสถานประกอบการ และมีข้อมูลต่างๆ มากพอที่คู่ค้าต้องการ คาดว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะเกิดขึ้นได้ในช่วงต้นปี 2562 ขณะที่ในปีนี้จะเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูล เตรียมข้อมูล และสรุปผลความร่วมมือ บริษัทหวังว่าความร่วมมือทางธุรกิจของสองประเทศนี้จะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างดี และได้รับการสนับสนุนจากทีเส็บต่อไป
#####
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
ฝ่ายสื่อสารองค์กร สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน)
นางสาวขวัญชนก อดทน ผู้ปฏิบัติการอาวุโส โทรศัพท์ 02-694-6096 อีเมล kwanchanok_o@tceb.or.th
นายอิศรา โรจนกุศล จนท.ประสานโครงการฯ โทรศัพท์ 02-694-0000 ต่อ 6181 อีเมล issara_r@tceb.or.th
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ เอ พับลิซิสท์ โทร. 0 2101 6860
คุณอาภาภรณ์ (เอ) 089 788 4868, คุณธิษตยา (แจง) 094 323 5641, คุณสรศักดิ์ (เอิร์ธ) โทร. 089 406 5544