1

ซีเอ เทคโนโลยี เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ที่พลิกโฉมบริษัทเอนเทอร์ไพรซ์ในยุคหน้า

ซีเอ เทคโนโลยี เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ที่พลิกโฉมบริษัทเอนเทอร์ไพรซ์ในยุคหน้า

เจาะข้อมูลเชิงลึกเพื่อประสบการณ์การใช้งานที่เหนือกว่า ระบบอัตโนมัติสำหรับการใช้งาน DevOps และ “Shift-Left” และนวัตกรรมด้านการรักษาความปลอดภัยจากซีเอ เทคโนโลยีเพื่อรองรับการใช้งานระบบผลิตซอฟต์แวร์สมัยใหม่

บริษัทซีเอ เทคโนโลยีได้เปิดตัวโซลูชั่นระบบบริหารงานพัฒนาซอฟต์แวร์ใหม่ๆ ในงานซัมมิท Built to Change Summit ที่แคลิฟอร์เนีย โชว์นวัตกรรมใหม่ๆที่มีในชุดซอฟต์แวร์ของบริษัทเพื่อพลักดันสู่ยุคการผลิตซอฟต์แวร์สมัยใหม่โดยโซลูชั่นต่างๆได้รวมเอาระบบการวิเคราะห์ข้อมูลที่ทรงพลังขั้นสูงรวมทั้งงานวิเคราะห์ข้อมูล ต่างๆ มารวมเข้ากับ ระบบการเรียนรู้ด้วยจักรกลรวมทั้งปัญญาประดิษฐ์ ทำให้สามารถใช้งานระบบอัตโนมัติผ่านโปรแกรมทูลและเทคโนโลยีต่างๆเพื่อสนับสนุนการใช้งานซอฟต์แวร์ได้อย่างครบวงจร(SDLC) ตั้งแต่ต้นจนจบ

ปัจจุบันในอุตสาหกรรมต่างๆได้มีการใช้ระบบ AI และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงในองค์กรระดับ เอนเทอร์ไพรซ์ซึ่งจัดเป็นความสำคัญระดับต้นที่บริษัทต่างๆมองหาเพื่อจะนำมาใช้ประโยชน์สูงสุดกับธุรกิจตนผ่านการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ ซึ่งถ้าจากการสำรวจของ บริษัทวิจัยการ์ดเนอร์เมื่อเร็วๆนี้ได้ระบุว่า AI และการเรียนรู้ด้วยจักรกล ได้กลายมาเป็นยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาและการลงทุนที่ ติดอันดับ 5 ความสำคัญแรกในสายตาผู้บริหารไอทีระดับ CIOในยุคปัจจุบัน

อย่างไรก็ตามถึงแม้ ผลดีของระบบ AI ปัญญาประดิษฐ์จะมีสูงและได้รับการยอมรับในวงกว้าง รวมทั้งมีเคสการใช้งานใหม่ๆเกิดขึ้นมากทุกขณะ แต่ก็ยังมีอุปสรรคมากมายที่คอยขวาง การบรรลุสู่เป้าหมายทางธุรกิจในการใช้งาน AI อยู่อีกหลายด้าน ซึ่งในเรื่องนี้บริษัทการ์ดเนอร์ได้เน้นย้ำว่า กำลังเจอปัญหาความท้าทายสำคัญ 2 อย่างในการ สำรวจและนำระบบ AI มาใช้นั่นก็คือ ความพร้อมของพนักงานที่มีทักษะฝีมือและประสบการณ์และการขาดความเข้าใจทางด้านธุรกิจและไอทีถึงศักยภาพที่มีของระบบปัญญาประดิษฐ์ AI ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญสำหรับเรา ที่ชี้ให้เห็นว่า บริษัทและองค์กรต่างๆจำเป็นที่จะต้องพิจารณาแง่มุมต่างๆที่เกินกว่าในเรื่องของเทคนิคในการเริ่มเอาแนวคิดการเปลี่ยนผ่านสื่อดิจิตอลมาใช้งาน

ข้อมูลเชิงวิเคราะห์เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่เหนือกว่า
การใช้ประโยชน์จากข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ถูกสร้างขึ้น และกลั่นกรองให้เหลือ ข้อมูลวิเคราะห์ที่เอาไปปฏิบัติได้จริงที่ผลักดันสู่ผลลัพธ์ทางธุรกิจ นั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง โดยงานเรื่องนี้มีความซับซ้อนมากขึ้นจากผลของการใช้สถาปัตยกรรมระบบสมัยใหม่ที่ใช้ระบบ APIs และไมโครเซอร์วิสต่างๆในการ นำเสนอบริการและเซอร์วิสที่มีการปรับปรุงพัฒนาขึ้น และเพื่อที่จะแก้ปัญหาความท้าทายตรงนี้และช่วยให้ลูกค้าผู้ใช้งานได้มีศักยภาพในการ นำข้อมูลวิเคราะห์เชิงลึกจากการเรียนรู้ด้วยจักรกลและปัญญาประดิษฐ์ที่จะช่วยให้วางแผนได้อย่างถูกต้องรวมทั้ง คาดการณ์ รูปแบบ เชิงวิเคราะห์ได้ล่วงหน้า รวมทั้งการแก้ไขในแบบเรียลไทม์หากเกิดปัญหาการดำเนินงาน

“ในฐานะที่เป็นบริษัทที่ให้งานบริการทางเทคโนโลยีและคำปรึกษาการบริหารการจัดการชั้นนำ และเราได้เน้นไปที่นวัตกรรมด้านดิจิตอล เราจึงเข้าใจถึงบทบาทสำคัญที่ข้อมูลมีต่อการเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจสู่ยุคดิจิตอล” คาร์ล เครเนิร์ท รองประธานฝ่ายการขาย บริษัทIntelliNet กล่าวพร้อมกับเสริมว่า”ขีดความสามารถในการนำข้อมูลที่มาจากหลายแพลตฟอร์มแล้วเอามาสอดประสานกันเพื่อหาข้อมูลเชิงลึกมีผลต่อรายได้ของบริษัทเราอย่างยิ่ง ”

ช่องทางใหม่ๆที่ซีเอ เทคโนโลยีจะช่วยบริษัทต่างๆ นำข้อมูลเชิงลึกมาใช้ได้แก่
• โซลูชั่น CA Digital Operational Intelligence เป็นโซลูชั่นที่ ขับเคลื่อนโดยการเรียนรู้ ของจักรกล ซึ่งจะช่วยให้มีข้อมูลเชิงวิเคราะห์อย่างครอบคลุมโดยอัตโนมัติ จากโปรแกรมทูลต่างๆ ในสถานที่ต่างๆเข้ามาไว้รวมกัน ระบบนี้ทำงานโดยการใช้งานโซลูชั่น CA Jarvis ซึ่งจะใช้งานปัญญาประดิษฐ์จากระบบ อัลกอริทึ่มส์เพื่อระบุปัญหาต้นตอได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งตรวจวัดและปรับปรุงระดับคุณภาพงานบริการทางธุรกิจ ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายและการใช้งานทรัพยากรให้มีประโยชน์สูงสุด รวมทั้งสามารถ ตรวจจับปัญหาได้ก่อนที่จะเกิดเหตุและแก้ไขปัญหาต่างๆได้อย่างรวดเร็ว

• โซลูชั่น CA Project Portfolio Management (CA PPM) จะนำเสนอ ขีดความสามารถในการวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ พร้อมกับการวางโรดแม็ปที่เห็นภาพรวม และขอบเขตการประสานงานทั้งหมดโดยจะช่วยให้ผู้ใช้งานมีขีดความสามารถในการเปิดดูมุมมองและหาข้อมูลการลงทุนต่างๆ ได้ทั่วทั้งบริษัทโดยนำเสนอปัญญาประดิษฐ์ทางธุรกิจที่สามารถดำเนินงานได้และมีขีดความสามารถในการ คาดการณ์และวาง รูปแบบโมเดลธุรกิจแบบต่างๆได้อย่างหลากหลาย

ระบบอัตโนมัติอัจฉริยะสำหรับการใช้งานDevOps
ระบบ CA Automic One Automation Platform ที่อัพเดทล่าสุดได้ นำเสนอขีดความสามารถใหม่ๆให้กับ การทำงานด้านระบบบริหารการจัดการDevOps แบบครบวงจร ด้วยระบบอัตโนมัติ การบริหารจัดการ เส้นทางการทำงานได้อย่างอัจฉริยะรวมทั้งสนับสนุนการใช้งานPostgreSQL ซึ่งจะช่วยรองรับการใช้งานระบบอัตโนมัติแบบชิปเลฟท์ สำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ ที่ใช้งาน ฟังก์ชั่นระบบอัตโนมัติ แบบautomation-as-code รวมทั้งเชื่อมต่อ ระบบอัตโนมัติต่างๆที่เคยอยู่แยกส่วนกันด้วยการใช้งานโซลูชั่น CA Workload Automation, CA Continuous Delivery Director และCA Jarvis เพื่อนำเสนอขีดความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ทรงพลังเต็มประสิทธิภาพ

“ระบบ CA Automic One Automation ช่วยให้ TASC สามารถทำงานประสาน เครือข่ายการพัฒนาของเราได้ดีขึ้นและช่วยให้สามารถเชื่อมต่อ โปรแกรมทูลที่เราต้องใช้งานได้ตามต้องการทุกขณะ” จอห์น กริลด์เด็นซอฟท์ วิศวกรด้าน DevOps บริษัท TASC กล่าวพร้อมกับเสริมว่า “ไม่ว่าเราจำเป็นที่จะต้องใช้ในการติดตั้งซอฟต์แวร์หรือการตั้งอินสแตนซ์ใหม่ ระบบอัตโนมัติจะช่วยให้เรามีความยืดหยุ่นในการนำเสนอเซอร์วิสใหม่ๆ ได้ตามระดับความต้องการของลูกค้าในขณะที่แพล็ตฟอร์ม CA Automation จะช่วยให้เราสามารถดำเนินงานได้อย่างยืดหยุ่นและประหยัดมากขึ้น แทนที่จะเจออุปสรรคจากขั้นตอนกระบวนการต่างๆ โดยในขณะนี้เราสามารถ ก้าวข้ามไปจับเรื่องที่มีความสำคัญกับธุรกิจและสร้างคุณค่าให้กับบริษัทได้โดยตรง”

การพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ มีระบบการรักษาความปลอดภัยตั้งแต่เริ่มต้น

ที่เพิ่มมาใหม่ล่าสุดในชุดโซลูชั่น CA Security ก็คือ ระบบCA Veracode SourceClear ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์แบบ SaaS ที่ใช้ข้อมูลอัพเดทล่าสุดจากฐานข้อมูลความปลอดภัยซอฟต์แวร์ออนไลน์ระดับประเทศของสหรัฐ หรือ National Vulnerability Database (NVD) รวมทั้งเทคโนโลยีที่วิเคราะห์ปัญหา ความปลอดภัยต่างๆ เช่น SCA การใช้งานร่วมของทั้งสองส่วนนี้จะช่วยให้บริษัทและองค์กรต่างๆสามารถใช้ ข้อมูลจากฐานข้อมูลไลบรารีการรักษาความปลอดภัยแบบโอเพ่นซอร์สเพื่อเร่งกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ได้โดยล ปัญหาความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับการพัฒนาซอฟต์แวร์ ในลักษณะ DevSecOps

“ขีดความสามารถในการรวม การตรวจสอบสแกนแอพพลิเคชั่น ในการทำงานแบบ DevOps หมายความว่าเราสามารถนำเสนอเซอร์วิสใหม่ๆที่มีคุณค่าให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็วด้วยความมั่นใจว่าจะมีการรักษาความปลอดภัยและ ลดความ เสี่ยงจุดอ่อนต่างๆทั้งในตัวแอพพ์และเซอร์วิสที่ให้บริการ” สก๊อต เบลลามี ผู้จัดการและสถาปนิกระบบรักษาความปลอดภัยอาวุโสที่ บริษัท Cardinal Health กล่าวพร้อมกับเสริมว่า “เราได้ใช้กันในงานแบบชิฟเลฟท์และลดขั้นตอนการ พัฒนาซอฟต์แวร์ รวมทั้งเวลาประหยัดเวลาลงได้โดยการนำเอาระบบรักษาความปลอดภัยเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการพัฒนาซอฟต์แวร์โดยตรง”

“เรากำลังได้เห็นประโยชน์ที่ได้รับจากระบบข้อมูลวิเคราะห์เชิงลึกขั้นสูง การเรียนรู้ด้วยจักรกลและปัญญาประดิษฐ์ทั้งในทุกวันนี้ และต่อไปในวันหน้า” ไอแมน ซาอิด ประธานและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารด้านโปรดักส์ ที่บริษัทซีเอ เทคโนโลยีกล่าว พร้อมกับเสริมว่า “ซีเอ เทคโนโลยีช่วยให้ระบบการผลิตซอฟต์แวร์สมัยใหม่ในทุกที่ได้สามารถใช้งานขีดความสามารถต่างๆเหล่านี้ได้กับระบบ Big Data ระบบอัตโนมัติและระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อช่วยให้ลูกค้าได้ ประโยชน์มากขึ้นจากการลงทุนทางด้านเทคโนโลยี”

เกี่ยวกับ ซีเอ เทคโนโลยี
ซีเอ เทคโนโลยี (NASDAQ: CA) เป็นผู้จัดหาโซลูชั่นเพื่อการบริหารจัดการไอที ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถจัดการและรักษาความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมของระบบไอทีที่ซับซ้อนเพื่อรองรับการให้บริการธุรกิจได้อย่างคล่องตัว ทั้งนี้ องค์กรต่างๆ ใช้ประโยชน์จากซอฟต์แวร์และโซลูชั่นในกลุ่ม SaaS ของซีเอ เทคโนโลยี เพื่อสร้างนวัตกรรม ปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐาน และรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและอัตลักษณ์ต่างๆ นับตั้งแต่ระดับดาต้าเซ็นเตอร์ไปจนถึงระบบคลาวด์ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับซีเอ เทคโนโลยี ได้ที่ www.ca.com