ชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี อินเตอร์เนชั่นแนล ยืนยันความมั่นคงทางการเงินของบริษัท

0
345
image_pdfimage_printPrint

บริษัท ชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี อินเตอร์เนชั่นแนล (Chicken of the Sea International®) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และเป็นแบรนด์ชั้นนำทางด้านอาหารทะเลแปรรูปในสหรัฐอเมริกามากว่าทศวรรษ ได้ยืนยันบริษัทยังมีความมั่นคงทางการเงิน หลังจากบริษัท บัมเบิล บี ฟู้ดส์ ได้ประกาศว่าจะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อเข้าสู่กระบวนการล้มละลายตามส่วนที่ 11 ของกฎหมายล้มละลายสหรัฐฯ
นอกจากนี้ทางบริษัท ชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการสืบสวนของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ซึ่งทำให้บริษัทฯ ไม่ถูกดำเนินคดีและไม่มีภาระค่าปรับใดๆ อีกทั้งบริษัทฯ ได้เจรจาประนีประนอมยอมความเพื่อระงับข้อพิพาทในทางแพ่ง โดยสามารถบรรลุข้อตกลงที่เป็นธรรมและแสดงออกถึงความรับผิดชอบกับโจทก์สำเร็จไปกว่า 90 เปอร์เซนต์ และทางบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะสามารถเจรจาบรรลุข้อตกลงกับโจทก์ที่เหลือเพื่อระงับข้อพิพาทได้

บริษัท ชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี อินเตอร์เนชั่นแนล ยืนยันที่จะมุ่งมั่นทุ่มเทดูแลลูกค้าและทำงานร่วมกับบริษัทคู่ค้าเพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง บริษัทฯ ยังลงทุนพัฒนานวัตกรรม นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดในสหรัฐอเมริกา เช่น อินฟิวชั่นส์ และ ไวลด์ แคช ควบคู่ไปกับผลิตภัณฑ์หลักต่างๆ ทั้งปลาทูน่า ปลาแซลมอน และผลิตภัณฑ์หลักอื่นๆ ซึ่งผลิตภัณฑ์อินฟิวชั่น ปลาทูน่าในน้ำมันมะกอกผสมโหระพา ได้รับรางวัล PEOPLE Food Awards ปี 2562: ผลิตภัณฑ์ในซูเปอร์มาร์เก็ตยอดเยี่ยมแห่งปี ประเภทปลาทูน่า ในสหรัฐอเมริกา

ไทยยูเนี่ยน ยังตอกย้ำถึงความสามารถในการเติบโตในตลาดอเมริกา ดังเห็นได้จากผลประกอบการของกลุ่มบริษัทไทยยูเนี่ยนในไตรมาสที่ 3 ซึ่งปริมาณการขายเติบโตขึ้น 3.8 เปอร์เซนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดอเมริกาที่โตขึ้นอย่างมีนัยยะ จากทั้งธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปและอาหารทะเลแช่เย็นและแช่แข็ง ในส่วนภาพของรวมกลุ่มบริษัท อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 15.9 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่ามียอดขายเพิ่มขึ้น 6.9 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ไทยยูเนี่ยนยังคงให้ความสำคัญกับความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ เล็งผลถึงการเติบโตทางธุรกิจในระยะยาว

นอกจากนี้ บริษัท ชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี อินเตอร์เนชั่นแนล และไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ยังได้ทุ่มเทเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินธุรกิจให้กับอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก มีการฝึกอบรมในเรื่องการปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างเข้มงวด ตลอดถึงการปรับหลักจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการดำเนินงานตามกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® ซึ่งได้รับรางวัลระดับโลกมากมาย เพื่อนำความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรม

###

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลามากกว่า 40 ปี

วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าบรรจุภาชนะชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 1.33 แสนล้านบาท (4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 47,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด ทำให้ในปี 2561 และ 2562 ไทยยูเนี่ยนได้เป็นผู้นำอันดับ 1 กลุ่มอุตสาหกรรมของโลกในหมวด Food Industry จากดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ และประสบความสำเร็จในการได้รับคะแนนเปอร์เซ็นไทล์สูงสุดที่ 100 ในคะแนนด้านความยั่งยืนทั้งหมด ปัจจุบันไทยยูเนี่ยนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index ในปี 2561 อีกด้วย