ฉลาดคิด ฉลาดใช้ U Contest ประกวดผลิตสื่อให้ความรู้ทางการเงิน ชวนคนรุ่นใหม่ใส่ใจบริหารเงิน

0
296
image_pdfimage_printPrint

ด้วยความตระหนักถึงปัญหาเกี่ยวกับการบริหารการเงินของคนรุ่นใหม่ที่พบว่า คนไทยมีหนี้กันตั้งแต่อายุยังน้อย โดยกลุ่มคนวัยเริ่มทำงานเป็นกลุ่มที่มีหนี้เสียสูงที่สุด แสดงให้เห็นว่าคนจำนวนมากไม่รู้จักวิธีวางแผนการใช้จ่ายและเก็บออมให้สัมพันธ์กับรายรับ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ผู้นำในธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล นำโดย นายฐากร ปิยะพันธ์ ประธานกรรมการ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ จึงได้จัดทำโครงการ “ฉลาดคิด ฉลาดใช้ U Contest” โครงการประกวดผลิตสื่อให้ความรู้ทางการเงินสำหรับนิสิต นักศึกษาในระดับปีที่ 3 หรือ ปีที่ 4 จากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ เพื่อเชิญชวนให้คนรุ่นใหม่ใส่ใจบริหารเงิน โดยโครงการเริ่มดำเนินมาตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2560 จนได้นักศึกษาที่ผ่านเข้ารอบ 10 ทีมสุดท้ายก่อนจะประกาศผลทีมผู้ชนะในลำดับที่ 1, 2 และ 3 พร้อมมอบทุนการศึกษาเป็นจำนวน 100,000 บาท, 50,000 บาท และ 30,000 บาท ให้ตามลำดับเมื่อเร็วๆนี้ ณ ลานกิจกรรม Fashion Zone ชั้น LG ศูนย์การค้าสยาม สแควร์วัน โดยมี ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์, แพร พิมพิศา จิราธิวัฒน์ และ โต้ง บรรจง ปิสัญธนะกูล มาร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสิน
นายฐากร ปิยะพันธ์ ประธานกรรมการ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ กล่าวว่า “ระยะหลังแนวโน้มการใช้จ่ายของคนรุ่นใหม่ค่อนข้างน่าเป็นกังวล ดังจะเห็นได้จาก ปัญหาหนี้ครัวเรือนในปัจจุบันที่มีอัตราสูง แสดงให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่จำนวนมากไม่รู้จักวิธีวางแผนการใช้จ่ายและเก็บออมให้สัมพันธ์กับรายรับ จึงเป็นที่มาของโครงการ ฉลาดคิด ฉลาดใช้ ที่ทางกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ตั้งใจจัดขึ้นเพื่อให้ความรู้ด้านการบริหารการเงินส่วนบุคคลกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ รวมถึงกิจกรรม“ฉลาดคิด ฉลาดใช้ U Contest” กิจกรรมประกวดผลิตสื่อให้ความรู้ทางการเงินสำหรับนักศึกษาทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ หันมาสนใจและเห็นความสำคัญของการมีวินัยทางการเงินที่ดี เพราะเราเห็นว่า กลุ่มน้องๆ นักศึกษา ก็คือ วัยทำงานในอนาคต จึงต้องการจะให้ความรู้กับทั้งสองกลุ่มนี้ควบคู่กันไป เพื่อปลูกฝังให้กลุ่มคนรุ่นใหม่มีวินัยทางการเงินที่ดี และเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป”

นายสหภาพ เสนาคำ และนายสิทธิเศรษฐ ระดีรมย์ นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิชาการสื่อสารองค์กรและแบรนด์ ชั้นปีที่ 3 สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ จากทีม Tagmang (แต๊กมั้ง) ผู้ชนะเลิศโครงการประกวดผลิตสื่อให้ความรู้ทางการเงิน กล่าวว่า “ผมมีเวลาเตรียมตัวค่อนข้างน้อย สิ่งที่คิดไว้ในใจตอนนั้นคือทำอะไรก็ได้ที่ต้องไม่ซ้ำกับคนอื่น ประจวบกับที่ตอนนั้นใกล้กับงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทำให้เรานึกถึงหลักคำสอนของท่านและนำหลักการพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในการสร้างหนังสั้นในชื่อ Be Memorized นี้ขึ้นมา การได้มาร่วมในโครงการนี้ทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องการเงินมากขึ้นและได้นำหลักการนั้นมาใช้จริงๆในขั้นตอนการผลิตหนังสั้นจากเงินสนับสนุนที่ทางกรุงศรี คอนซูมเมอร์ให้มา ซึ่งเราต้องวางแผนเพื่อใช้งบที่มีให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุด นอกจากนี้เรายังได้แรงบันดาลใจและมีความเชื่อมั่นในความสามารถของตนเองมากขึ้นครับ”

นางสาวจินัฐติภรณ์ ทองเขียว และ นางสาวเกตุสุดา พงษ์นุรักษ์ นักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ จากทีม เก็บหอมออมรัก ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 กล่าวว่า “แนวคิดในการผลิตผลงานชื่อ Application “มาออมกันเถอะ” นี้เกิดจากความรู้สึกว่า การออมเงินน่าเบื่อ วัยรุ่นส่วนใหญ่ไม่มีแรงจูงใจมากพอในการออมเงิน เราจึงนำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับแอพพลิเคชั่นที่ช่วยให้การออมเงินของเราเป็นเรื่องสนุก โดยนำหลักการจูงใจมาใช้คือ ทุกการออมเงินของเราจะได้เป็นคะแนนสะสม และเราสามารถนำคะแนนนั้นมาแลกเป็นของต่างๆได้ สิ่งนี้จะเป็นตัวช่วยกระตุ้นทำให้เราอยากออมเงินมากขึ้น แถมหลักการนี้ก็ไม่ขัดกับหลักการของศาสนาอิสลามด้วยค่ะ พวกเรารู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้เข้าร่วมในโครงการนี้ทำให้เราได้ประสบการณ์เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นความรู้เรื่องการออมเงิน การทำสื่อที่ดึงดูดใจ และยังได้เพื่อนใหม่มากมายจากโครงการนี้ค่ะ”

ทางด้าน นางสาวธนัชพร อนุภาพประเสริฐ นักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ ภาควิชามีเดียอาตส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ตัวแทนจากทีม 1100 ที่ได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เผยว่า “ทีมเราใช้เรื่องใกล้ตัวมาประยุกต์ใช้ทำเป็นหนังสั้นค่ะ พวกเราเป็นคนชอบดาราเกาหลีมากและเห็นเพื่อนๆส่วนใหญ่ก็ชอบ เราเลยดึงประเด็นนี้มาเป็นคอนเซ็ปต์หลักว่า ถึงชอบดาราเกาหลีก็สามารถออมเงินได้ค่ะ พวกเรารู้สึกโชคดีมากที่ได้เข้าร่วมโครงการนี้ เป็นโครงการที่ให้ประสบการณ์หลายๆอย่างกับพวกเรา เช่น การได้ทำหนังสั้นจริงๆ ตอนเรียนก็ไม่เคยได้ทำหนังสั้นมาก่อน การเข้าร่วมประกวดในโครงการนี้ทำให้เราได้นำสิ่งที่เรียนมาปฏิบัติจริงๆค่ะ นอกจากนี้โครงการนี้ยังเปิดโอกาสให้ผลงานของพวกเราได้ถูกเผยแพร่สู่สาธารณชนมากขึ้น สิ่งนี้นับเป็นความฝันของคนเรียนมีเดียอาตส์แบบพวกเราเลยค่ะ”