“จีเอ็ม” เร่งเปลี่ยนแปลงการดำเนินธุรกิจในตลาดต่างประเทศ

0
369
image_pdfimage_printPrint

– ยุติการออกแบบ ผลิต และจำหน่ายรถแบรนด์โฮลเดนภายในปี 2564 พร้อมแสวงหาโอกาสเติบโตในธุรกิจรถเฉพาะกิจ (specialty vehicle)
– ลงนามข้อตกลงขายโรงงานผลิตในไทยให้บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ส
– ยุติการจำหน่ายรถเชฟโรเลตในไทยภายในสิ้นปี 2563

บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส หรือ จีเอ็ม (NYSE: GM) กำลังดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อเปลี่ยนแปลงการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศตามกลยุทธ์ที่วางไว้อย่างครอบคลุมเมื่อปี 2558 เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลักของบริษัท เพิ่มความคุ้มทุน และจัดการกับตลาดที่ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้มากพอ

วันนี้ จีเอ็มได้ประกาศว่าจะลดการออกแบบ ผลิต และจำหน่ายรถในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ และยุติธุรกิจรถยนต์โฮลเดนภายในปี 2564 โดยจะโฟกัสไปที่ธุรกิจรถเฉพาะกิจแทน นอกจากนั้นยังประกาศว่า บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ส ของจีน ได้ลงนามข้อตกลงเบื้องต้นเพื่อซื้อโรงงานผลิตรถยนต์ของจีเอ็มในจังหวัดระยอง และจีเอ็มจะถอนธุรกิจรถยนต์เชฟโรเลตออกจากไทยภายในสิ้นปี 2563

“ดิฉันพูดเสมอว่าเราจะทำสิ่งที่ถูกต้องแม้ว่ามันจะยากก็ตาม และครั้งนี้ก็เช่นกัน” แมรี บาร์รา ประธานและซีอีโอบริษัทจีเอ็ม กล่าว “เรากำลังปรับโครงสร้างธุรกิจในต่างประเทศ โดยให้ความสำคัญกับตลาดที่มีกลยุทธ์เหมาะสมในการสร้างผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำ รวมถึงการลงทุนทั่วโลกที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของยานยนต์แห่งอนาคต โดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และยานยนต์อัตโนมัติ (AV)”

“การดำเนินการเช่นนี้จะสนับสนุนกลยุทธ์ระดับโลกของเรา แต่เราก็เข้าใจดีว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ที่ทุ่มเทให้กับบริษัทเช่นกัน เราจะสนับสนุนคนของเรา ลูกค้าของเรา และหุ้นส่วนของเรา เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านในตลาดที่ได้รับผลกระทบเป็นไปอย่างราบรื่นและให้ความเคารพกับทุกฝ่าย”

มาร์ค รีอุสส์ ประธานกรรมการบริษัทจีเอ็ม ระบุว่า บริษัทได้พิจารณาทางเลือกต่าง ๆ ในการทำแบรนด์โฮลเดนต่อไป แต่ไม่มีทางใดสามารถตอบโจทย์ความท้าทายของการลงทุนในตลาดรถพวงมาลัยขวาที่มีขนาดเล็ก รวมถึงเศรษฐศาสตร์ที่สนับสนุนการเติบโตของแบรนด์ และการสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมจากการลงทุน

“เรามีความเคารพอย่างสูงสุดต่อมรดกตกทอดและคุณูปการของแบรนด์โฮลเดน รวมทั้งต่อตลาดออสเตรเลียและนิวซีแลนด์”

“หลังจากทบทวนทางเลือกมากมาย โดยไม่คำนึงถึงความต้องการส่วนตัวของเราในการอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าและตลาด เราได้ข้อสรุปว่าเราไม่สามารถให้ความสำคัญกับการลงทุนเพิ่มเติมเหนือปัจจัยอื่น ๆ ท่ามกลางอุตสาหกรรมโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว”

“เราเชื่อว่าเรามีโอกาสสร้างกำไรจากธุรกิจรถเฉพาะกิจ และตั้งใจจะร่วมมือกับหุ้นส่วนเพื่อทำธุรกิจนี้” เขาสรุป

นอกจากนี้ จีเอ็มยังวิเคราะห์อย่างละเอียดเกี่ยวกับการผลิตในอนาคตของโรงงานที่จังหวัดระยอง โดยพบว่าอัตราการใช้ประโยชน์โรงงานและปริมาณการผลิตในระดับต่ำทำให้การผลิตที่โรงงานแห่งนี้ไม่มีความยั่งยืน และเมื่อไม่มีการผลิตในประเทศ เชฟโรเลตก็ไม่สามารถแข่งขันในตลาดรถใหม่ของไทย

สตีฟ คีเฟอร์ รองประธานอาวุโสบริษัทจีเอ็ม และประธานกรรมการบริษัท จีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่า การตัดสินใจเช่นนี้สอดคล้องกับการประกาศเมื่อเดือนมกราคมว่าจีเอ็มจะขายโรงงานผลิตในเมืองทาเลกอน ประเทศอินเดีย ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ในเกาหลี รวมถึงลงทุนและยกระดับการดำเนินงานในอเมริกาใต้

“การตัดสินใจเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็จำเป็นต้องทำเพื่อสนับสนุนเป้าหมายในการผลักดันให้จีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล เดินหน้าไปสู่การเติบโตและการสร้างกำไร”

“จีเอ็มมีสถานะที่ดีในตลาดหลัก ๆ ของจีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล ได้แก่ อเมริกาใต้ ตะวันออกกลาง และเกาหลี”

จูเลียน บลิสเส็ต รองประธานอาวุโสของจีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล โอเปอเรชั่นส์ กล่าวว่า นอกจากการดำเนินการตามแผนในตลาดหลัก ๆ ในต่างประเทศแล้ว จีเอ็มยังเดินหน้ายกระดับความร่วมมือในตลาดอื่น ๆ เช่น อุซเบกิสถาน ด้วยการถ่ายโอนสินทรัพย์และสร้างห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่งเพื่อลดต้นทุนในตลาดที่มีการเติบโต

“ในตลาดที่ธุรกิจของเราไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก เช่น ญี่ปุ่น รัสเซีย และยุโรป เราจะเน้นตลาดเฉพาะกลุ่มด้วยการจำหน่ายรถยนต์นำเข้าระดับไฮเอนด์ที่ทำกำไร ด้วยการสนับสนุนจากโครงสร้างที่คล่องตัวของจีเอ็ม”

“เราจะดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจที่สำคัญเหล่านี้ต่อไป พร้อมกับเดินหน้าเปลี่ยนผ่านในตลาดที่ได้รับผลกระทบอย่างราบรื่นและให้ความเคารพกับทุกฝ่าย”

ในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ไทย และตลาดส่งออกอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบ ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจีเอ็มจะรับผิดชอบการรับประกันทั้งหมด รวมถึงให้บริการและจัดหาอะไหล่ ตลอดจนจัดการกับการเรียกคืนหรือปัญหาด้านความปลอดภัยต่อไป โดยจะมีการประสานงานกับหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่ในส่วนนี้

บริษัทคาดว่าผลจากการเปลี่ยนแปลงในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และไทย จะก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายสุทธิที่เป็นเงินสดราว 300 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายที่เป็นเงินสดและที่ไม่ใช่เงินสดรวม 1.1 พันล้านดอลลาร์ ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในไตรมาสแรกและต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสสี่ของปี 2563 โดยค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษสำหรับการปรับกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี กำไรต่อหุ้นปรับลด และกระแสเงินสดอิสระ

ข้อควรระวังเกี่ยวกับข้อความคาดการณ์อนาคต
ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยข้อความคาดการณ์อนาคตเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ข้อความเหล่านี้มาจากการคาดการณ์และการวิเคราะห์จากประสบการณ์และมุมมองของเราต่อแนวโน้มในอดีต สภาพการณ์ปัจจุบัน และสิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ตลอดจนปัจจัยอื่น ๆ ที่เราเห็นว่าเหมาะสมภายใต้สภาพการณ์นั้น ๆ เราเชื่อว่าการตัดสินใจของเราสมเหตุสมผล แต่ข้อความเหล่านี้ไม่ใช่การรับประกันเหตุการณ์หรือผลลัพธ์ทางการเงินใด ๆ และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงอาจแตกต่างจากที่คาดการณ์อย่างมากอันเนื่องมาจากปัจจัยสำคัญต่าง ๆ ทั้งปัจจัยบวกและลบ โดยสามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับปัจจัยเหล่านี้ได้ในรายงานประจำปี Form 10-K และเอกสารเพิ่มเติมที่เรายื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ ทั้งนี้ ผู้อ่านไม่ควรยึดถือข้อความคาดการณ์อนาคตมากเกินไป เราไม่มีภาระหน้าที่หรือข้อผูกมัดใด ๆ ในการปรับปรุงหรือแก้ไขข้อความคาดการณ์อนาคต ไม่ว่าจะเป็นผลจากข้อมูลใหม่ สถานการณ์ความคืบหน้าในอนาคต หรือปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อข้อความคาดการณ์อนาคต เว้นแต่กฎหมายกำหนด

เจนเนอรัล มอเตอร์ส หรือ จีเอ็ม (NYSE: GM) เป็นบริษัทระดับโลกที่เอื้อให้ผู้คนเดินทางด้วยวิธีที่ดีขึ้น ปลอดภัยขึ้น และยั่งยืนมากขึ้น เจนเนอรัล มอเตอร์ส รวมทั้งบริษัทลูกและบริษัทร่วมทุน จำหน่ายรถภายใต้แบรนด์ Chevrolet, Buick, GMC, Cadillac, Holden, Baojun และ Wuling สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทและบริษัทลูก รวมถึง OnStar ผู้นำระดับโลกด้านความปลอดภัยยานยนต์และบริการด้านความปลอดภัย และ Maven ผู้ให้บริการเดินทางแบบส่วนตัว สามารถดูได้ที่ http://www.gm.com