รัฐบาลจีนได้จัดการประชุม Belt & Road Forum for International Cooperation ครั้งที่ 2 เพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศ ขึ้นที่กรุงปักกิ่ง ระหว่างวันที่ 25-27 เมษายน 2562 หนึ่งในการประชุมย่อยที่เกิดขึ้นคือการประชุม The Belt & Road CEO Conference ซึ่งมีขึ้นเป็นครั้งแรกในปีนี้ และ “คิง ไว กรุ๊ป” เครือบริษัทฮ่องกงที่เข้ามาลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจการเงินในไทย เป็นหนึ่งเดียวจากฮ่องกงที่ได้เข้าร่วมในการประชุมดังกล่าว ภายใต้การนำของนายแอนโทนิโอ ฮาง ตัท ชาน รองประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทคิง ไว กรุ๊ป ในการนี้นายชานได้ลงนามในสัญญาโครงการพิเศษและกล่าวว่า ตนรู้สึกเป็นเกียรติที่เป็นบริษัทจากฮ่องกงแห่งเดียวที่มีโอกาสเข้าร่วมการลงนามในเวทีการประชุมยิ่งใหญ่นี้ โดย คิง ไว กรุ๊ป จะเป็นกลไกหนึ่งที่ร่วมขับเคลื่อนนโยบาย “เส้นทางสายไหมศตวรรษที่ 21” หรือ Belt and Road Initiative (BRI) ด้วย
เป็นเวลาเกือบ 6 ปี แล้วที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน นำเสนอนโยบาย “Belt and Road Initiative” ขึ้นในปี 2556 และเป็นเวลาเกือบ 6 ปีเช่นกันที่ คิง ไว กรุ๊ป ได้พัฒนาธุรกิจในประเทศต่างๆ ตามพื้นที่ในแนวนโยบายดังกล่าว “ในฐานะผู้สืบทอดกิจการรุ่นที่สอง ผมรู้สึกยินดีมากที่ คิง ไว กรุ๊ป สามารถคว้าโอกาสทองจากยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศผ่านนโยบายนี้ การได้เข้ามามีส่วนร่วมผลักดันนโยบาย รวมถึงการได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน และความร่วมมือแบบ win-win กับประเทศต่างๆ ในแนวนโยบาย” นายชานกล่าว อีกทั้งยังเชื่อมั่นว่า แม้จีนจะเป็นผู้ริเริ่มนำเสนอนโยบาย BRI แต่โอกาสในการพัฒนาก็ยังคงเป็นของคนทั้งโลก
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คิง ไว กรุ๊ป ได้เข้ามาทำธุรกิจอย่างจริงจังในไทย และปัจจุบันบริษัทได้ขยายตัวเข้าสู่อุตสาหกรรมประกันภัยและกลายเป็นบริษัทประกันภัยฮ่องกงแห่งเดียวในประเทศไทย ให้บริการประกันภัยสำหรับวิศวกรรม ประกันภัยทางทะเล ประกันภัยรถยนต์ และประกันภัยด้านอื่นๆ ซึ่งธุรกิจนี้ไม่เพียงตอบสนองผู้ประกอบการจีนที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย แต่ยังมีส่วนช่วยในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจไทยได้อีกด้วย
บริษัทมองว่า “การบูรณาการทางการเงิน” เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสนับสนุนนโยบาย BRI และขณะนี้ คิง ไว กรุ๊ป กำลังอยู่ในขณะเตรียมที่จะรวมธุรกิจประกันภัยในประเทศไทย ธุรกิจการจัดการสินทรัพย์ทางการเงินในฮ่องกงและธุรกิจการเงินในภูมิภาคอื่น ๆ ของตนเข้าด้วยกัน เพื่อให้บริการที่ครบวงจรมากขึ้นกับบริษัทในจีนและประเทศตามแนวนโยบาย
นายชานกล่าวอีกว่า “นอกจากนี้ คิง ไว กรุ๊ป ยังได้ส่งเสริมความสัมพันธ์ภาคประชาชนในพื้นที่ BRI โดยความริเริ่มดังกล่าวมาจาก ดร. คิง ไว ชาน ประธานกรรมการกลุ่ม คิง ไว ซึ่งได้ร่วมกับนักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเล ก่อตั้งโครงการ “เปาฮิเนีย วัลเลย์” (The Bauhinia Valley Innovation and Development Center) ขึ้นในปี 2559 เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ด้านนวัตกรรมให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่จากทั้งในและต่างประเทศ และในปี 2560 คิง ไว กรุ๊ป ยังจับมือกับกระทรวงศึกษาธิการไทยและสำนักการศึกษา (Education Bureau) เขตบริหารพิเศษฮ่องกง มอบทุนการศึกษา The Hong Kong Scholarship Program for “Belt and Road” students (Thailand) ให้แก่นักศึกษาไทย มุ่งสร้างความเชื่อมโยงระหว่างประชาชน สนับสนุนความร่วมมือตามนโยบายเส้นทางสายไหมศตวรรษที่ 21”
ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา นโยบาย BRI ของจีนประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่ง และธุรกิจของคิง ไว กรุ๊ป ในฮ่องกง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และยุโรปก็มีการพัฒนาขึ้นมาอย่างมากเช่นกัน นายชานเชื่อมั่นว่า ฮ่องกงจะเป็นเมืองสำคัญในยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ และด้วยความร่วมมือสอดรับนโยบายของฮ่องกงนี้เอง จะช่วยนำมาซึ่งโอกาสอันไร้ขีดจำกัดในการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการฮ่องกงทั้งหลาย