1

คอลลิเออร์สฯ เติบโตอย่างรวดเร็ว พร้อมเป็นผู้นำด้านธุรกิจที่ปรึกษา

คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย หนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ประกาศศักดาพร้อมเป็นที่หนึ่งในธุรกิจด้านที่ปรึกษา หลังจากการดำเนินธุรกิจในไทยมาได้ 5 ปี คอลลิเออร์สฯ คาดว่าผลประกอบการจะไปได้สวยกว่าปีอื่นๆที่ผ่านมาเนื่องจากอัตราการเติบโตของธุรกิจด้านที่ปรึกษาและ ตัวแทนการขายที่แข็งแกร่งขึ้น

 

นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทในปี 2550 อัตราการเติบโตเฉลี่ยของคอลลิเออร์สอยู่ที่ 44 เปอร์เซ็นต์ต่อปี สูงกว่าการเติบโตเฉลี่ยของธุรกิจที่ปรึกษาอสังหาฯ โดยรวมซึ่งมีอัตราอยู่ที่ 10 เปอร์เซ็นต์ต่อปี และในปี 2555 นี้ บริษัทฯ    คาดว่าจะประสบความสำเร็จด้วยอัตราการเติบโตเกินกว่า 40 เปอร์เซ็นอีกอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในครึ่งปีแรก      คอลลิเออร์สก็สามารถทำรายได้จากส่วนตัวแทนการขาย และการเป็นที่ปรึกษาให้กับลูกค้ารายใหญ่ได้อย่างน่าประทับใจ

“จุดแข็งของบริษัทคือ ธุรกิจการให้คำปรึกษา โดยปรัชญาของเราคือการให้ความจริงใจ ความน่าเชื่อถือ และข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงในการให้ปรึกษาแก่ลูกค้า ซึ่งส่งผลให้เราได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเดิมในการทำธุรกิจกับเราต่อไป” นายไทรมั่น กล่าว ซึ่งการนำปรัชญานี้มาใช้ในธุรกิจทำให้เราได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ารายใหญ่ในการเป็นที่ปรึกษาโครงการ อาทิ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การท่าเรือแห่งประเทศไทย อสมท. และภาคเอกชน ซึ่งคอลลิเออร์สฯยังได้รับรางวัลด้านที่ปรึกษาจาก เอเชียแปซิฟิค อินเตอร์เนชั่นแนล พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ด ที่จัดขึ้น ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา “เป้าหมายของเราคือการให้คำปรึกษาที่ชัดเจน และปฏิบัติได้กับทั้งเจ้าของโครงการ และผู้อยู่อาศัย ซึ่งถือได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง” น.ส. ณภัทร   เธียรชุติมา  ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ  กล่าวสรุป

 

การเติบโตของบริษัทฯในส่วนอื่น คือธุรกิจด้านการขายที่ดินที่ทางคอลลิเออร์สฯ ทำการขายสถานทูตญี่ปุ่นเดิมในปี 2554 ซึ่งทำให้คอลลิเออร์สฯได้รับรางวัลดีลยอดเยี่ยมแห่งปี 2554 จาก ไทยแลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ อวอร์ด ซึ่งนำไปสู่การขายที่ดิน อาคาร และรีสอร์ทที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น นางสาวณุกานต์ สุวัตธิกุล รองผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุน ให้ความเห็นว่า “ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงคึกคักอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากยังมีที่ดินอีกหลายแปลงที่รอเข้าประมูลประกอบกับแนวโน้มการประกาศเรื่อง REITs จาก กลต. ซึ่งจะกระตุ้นให้มีการซื้อขายมากขึ้น” นอกจากนี้ด้านฝ่ายด้านการลงทุนธุรกิจโรงแรม ได้ทำการขายโรงแรมไปแล้ว 2 แห่งด้วยกัน และล่าสุดยังได้รับการแต่งตั้งให้ขายสนามกอล์ฟที่ศรีราชา ประกอบกับคอลลิเออร์สฯประสบความสำเร็จในการหาเชนโรงแรม Waldorf Astoria มาบริหารโครงการ Magnolia ราชดำริ อีกด้วย

 

นับเป็นการเติบโตของธุรกิจที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่ ปี 2550 โดยปัจจุบันคอลลิเออร์สฯมีสาขาทั้งที่พัทยา และหัวหิน   ทำให้ปัจจุบัน   คอลลิเออร์สฯ มีพนักงานราว 200 คน ซึ่งทั้งสองสาขานั้นมีการเติบโตเช่นกันโดยได้รับการแต่งตั้งให้รับผิดชอบขายโครงการที่อยู่อาศัยหลายโครงการ และคอลลิเออร์สฯ สามารถขายโครงการบ้านทิวทะเลในหัวหินไปแล้วกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นโครงการที่เกิดจากการร่วมทุนกันระหว่างชาญอิสสระ และกลุ่มสหพัฒน์

 

อีกหนึ่งความสำเร็จคือ การเป็นตัวแทนการขายโครงการที่อยู่อาศัย โดยคอลลิเออร์สฯ สามารถปิดการขายโครงการ เดอะ แคปปิตอล เอกมัย – ทองหล่อ 100 เปอร์เซ็นต์ ภายในหนึ่งเดือน อีกทั้งด้านการประเมิน การบริหารจัดการอาคาร การเป็นตัวแทนการหาผู้เช่าอาคารสำนักงาน ภาคอุตสาหกรรม และตัวแทนขายและเช่าที่อยู่อาศัย รวมถึงการบุกเบิกตลาดในพม่าด้านการเป็นที่ปรึกษาด้านการประเมิน และได้ทำการศึกษาตลาดอสังหาฯเป็นเจ้าแรกอีกด้วย

 

“ส่วนตลาดที่พม่าเอง ยังคงเป็นประเทศที่เปิดโอกาศสำหรับนักธุรกิจไทย และคอลลิเออร์สฯ ก็วางแผนจะให้คำปรึกษากับนักธุรกิจของไทย รวมถึงนักลงทุนชาวต่างชาติที่สนใจขยายธุรกิจในพม่าอีกด้วย” นายไทรมั่น กล่าวปิดท้าย