เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2560 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเหมืองแร่ ในนามของสำนักงานแร่แห่งชาติ ได้เริ่มพิจารณาข้อตกลงอนุญาตสัมปทานเหมืองแร่ หรือ “MLA” (Mining Licence Agreement) ของบริษัท SL Mining Ltd อย่างเป็นทางการ เพื่อให้รัฐสภาแห่งชาติของเซียร์ราลีโอนดำเนินการให้สัตยาบัน ซึ่งผลปรากฏว่า ข้อตกลง MLA ได้รับการอนุมัติรับรองอย่างเป็นเอกฉันท์จากรัฐสภา
การให้สัตยาบันอย่างเป็นเอกฉันท์โดยรัฐสภาเซียร์ราลีโอนถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับโครงการ Marampa และบริษัท SL Mining Ltd ทั้งนี้ Marampa เป็นโครงการที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับประชาชนของเซียร์ราลีโอน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับชุมชนท้องถิ่น การลงมติไว้วางใจอย่างเป็นเอกฉันท์โดยรัฐสภาเป็นการเน้นย้ำให้เห็นถึงการสนับสนุนที่แข็งแกร่งของโครงการ Marampa ในท้องถิ่น ซึ่งสะท้อนได้ว่าโครงการนี้มีความสำคัญอย่างมากต่อเศรษฐกิจของประเทศ
เมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้ ตัวแทนของ SL Mining ได้เสร็จสิ้นการเจรจาร่างข้อตกลง MLA ร่วมกับคณะผู้แทนของรัฐบาลเซียร์ราลีโอน โดยคณะกรรมการเจรจาประกอบด้วยสมาชิกจากสำนักงานแร่แห่งชาติ สำนักงานสรรพากรแห่งชาติ และผู้แทนของกระทรวงการคลัง กระทรวงเหมืองแร่ และกระทรวงยุติธรรม สาระสำคัญของข้อตกลง MLA ได้แก่การจ่ายค่าสัมปทานให้กับรัฐบาล และอัตราค่าภาคหลวงแร่ที่เก็บต่อหน่วย (specific royalty) อย่างเพียงพอเหมาะสม เพื่อผลประโยชน์ของชุมชนท้องถิ่นในเขต Lunsar และ Port Loko
ปัจจุบัน SL Mining เป็นผู้ถือสัญญาเช่าที่ดินทั้งหมดของโครงการ Marampa ซึ่งได้รับมอบจากบรรดาเจ้าของที่ดินในพื้นที่ และเป็นผู้ถือใบอนุญาตเหมืองแร่ตามขั้นตอนการยื่นขออนุญาตจากสาธารณะเพื่อดำเนินการผลิตสินแร่เหล็กกว่า 1 พันล้านตัน ซึ่งเทียบเท่ากับอายุเหมืองกว่า 40 ปี ข้อตกลง MLA ที่เพิ่งมีการให้สัตยาบันนี้มอบความมั่นคงและแรงจูงใจการลงทุนในโครงการ Marampa ซึ่งตั้งเป้าที่จะเริ่มกลับมาดำเนินการผลิตแร่เหล็กเกรดสูง (65% Fe +) ในช่วงกลางปี 2561 ด้วยผลผลิตเบื้องต้น 2 ล้านตันต่อปี เพื่อชิงตลาดพรีเมี่ยมคุณภาพสูง ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 6 ล้านตันต่อปีตามลำดับ
SL Mining เป็นบริษัทย่อยที่ Gerald Group ถือหุ้น 100% โดยบริษัทมุ่งมั่นที่จะนำโครงการ Marampa กลับมาสู่กระบวนการผลิตอีกครั้ง พร้อมสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับรัฐบาลและประชาชนของเซียร์ราลีโอน เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย
เกี่ยวกับ Gerald Group
Gerald Group เป็นหนึ่งในบริษัทซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ชั้นนำของโลก โดยมีการดำเนินงานทั่วโลก คิดเป็นมูลค่าสินทรัพย์รวมมากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และรายได้ประมาณ 1 หมืนล้านดอลลาร์สหรัฐ
