สำนักงานจังหวัดแม่ฮ่องสอนจัดแถลงข่าว กิจกรรมการค้าชายแดน โครงการ
พัฒนาส่งเสริมการค้าชายแดนกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ขึ้น ณ สวนหมอกคำ รีสอร์ท เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2559 โดยนายสำเริง ไชยเสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายบำรุง สังข์ขาว ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และข้อมูลฯ สำนักงานจังหวัดแม่ฮ่องสอน และนายเมธี บัวพึ่ง พาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน ร่วมแถลงข่าว โดยมีสารสำคัญ ดังนี้ “แม่ฮ่องสอน มีเส้นเขตแดนด้านตะวันตกที่เชื่อมต่อกับประเทศเมียนมาตลอดทั้งจังหวัด และมีจุดผ่านเชื่อมต่อกับเมียนมามากกว่า 20 ช่องทาง ซึ่งเป็นช่องทางสำคัญทางการค้าที่ช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในจังหวัดแม่ฮ่องสอน และในอนาคตอันใกล้ จุดเชื่อมต่อเหล่านี้ จะสามารถพัฒนาพื้นที่และบริการเพื่อเป็นด่านการค้าถาวรได้ โดยการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลดีต่อการค้า การท่องเที่ยวและบริการต่างๆ ของท้องถิ่นในจังหวัดแม่ฮ่องสอน”
สำหรับการดำเนินการกิจกรรมการค้าชายแดนไทย – เมียนมา ครั้งนี้ จะจัดขึ้น 4
ครั้ง ใน 4 พื้นที่ คือ
– ครั้งที่ 1 จัดขึ้น ณ จุดผ่อนปรนการค้า บ้านห้วยผึ้ง อำเภอเมือง ระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน 2559
– ครั้งที่ 2 จัดขึ้น ณ ข้างที่ทำการ อำเภอขุนยวม ระหว่างวันที่ 2 – 6 พศจิกายน
– ครั้งที่ 3 จัดขึ้น ณ จุดผ่อนปรนการค้า บ้านแม่สามแลบ อำเภอสบเมย ระหว่างวันที่ 7 – 11 พฤศจิกายน 2559
– และครั้งที่ 4 จัดขึ้น ณ บ้านประตูเมือง อำเภอขุนยวม ระหว่างวันที่ 12 – 16 พฤศจิกายน
โดยการดำเนินการทั้ง 4 ครั้งจะนำเสนอสินค้าที่มีความหลากหลาย อาทิ ของใช้ในครัวเรือน เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารสด – อาหารแปรรูป – อาหารแห้ง เครื่องแต่งกายแฟชั่น และเครื่องประดับ
เบื้องต้น คาดว่ากิจกรรมการค้าชายแดนไทย – เมียนมา จะสร้างโอกาสในการ
จำหน่ายให้ผู้ค้า ผู้ประกอบการบนพื้นที่ และชุมชน มากกว่า 2 ล้านบาท และเป็นการช่วยลดค่าครองชีพของประชาชนที่อาศัยบริเวณชายแดน ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเดินทางเพื่อจัดซื้อจัดหาสินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็น พร้อมกันกับประโยชน์ดังกล่าวที่ได้รับข้างต้น กิจกรรมการค้าชายแดนที่จัดขึ้นจะช่วยกระตุ้น และส่งเสริมให้ประชาชนบนพื้นที่ได้เรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกสินค้าที่น่าสนใจของผู้ประกอบการคู่ค้า การบริหารจัดการด้านผลิตภัณฑ์ การดำเนินการเพื่อการนำเข้า – ส่งออก ความรู้ด้านภาษีการค้า รวมถึงการหาช่องทางการจัดส่ง การคงคลัง และอื่นๆ รวมถึงการส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือกันระหว่างภาคธุรกิจเอกชน และภาครัฐ เพื่อรองรับและเตรียมพร้อมสำหรับรองรับการเปลี่ยนแปลงอันใกล้
