กองทัพบก ร่วมกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จัดโครงการประกวดวงดนตรีสากลร่วมสมัยระดับมัธยมศึกษา “บทเพลงรักแห่งแผ่นดิน” ต่อเนื่องเป็นปีที่ ๓ ภายใต้แนวคิด: เสียงเพลงจากหัวใจ ใต้ร่มพระบารมี เพื่อความสุขที่ยั่งยืน เพื่อเปิดโอกาสให้วงดนตรีที่มีสมาชิกไม่ต่ำกว่า ๕ คนและไม่เกิน ๒๐ คน เข้าแข่งขันกันโดยไม่จำกัดประเภทเครื่องดนตรีที่เล่น โดยแบ่งเพลงประกวดทั้งหมด ๓ เพลง เป็นเพลงบังคับ ๓ เพลง ได้แก่ เพลงพระราชนิพนธ์ ๑ เพลง เพลงช้าตามความถนัด ๑ เพลง เพลงเร็วตามความถนัด ๑ เพลง จะเป็นเพลงไทยหรือเพลงสากลก็ได้ สำหรับโค้งสุดท้ายนี้ มีทีมผ่านรอบคัดเลือกทั้งสิ้น ๑๕ ทีม ที่จะขึ้นเวทีเพื่อเฟ้นหาผู้ชนะ
วัตถุประสงค์หลักของโครงการ “บทเพลงรักแห่งแผ่นดิน” คือการเชิญชวนชาวไทยทุกหมู่เหล่า โดยเฉพาะเยาวชนซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมาย ได้ร่วมกันแสดงความจงรักภักดีต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ผ่านการประกวดแต่งเพลงและเล่นดนตรีสากลร่วมสมัยระดับมัธยมศึกษา ที่ผ่านมา ได้มีการจัดกิจกรรมไปยัง ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อค้นหาตัวแทนแต่ละภูมิภาค จากนั้นจึงนำตัวแทนภาคทั้งหมดเข้าร่วมกิจกรรม “ค่ายฝึกอบรมเยาวชน บทเพลงรักแห่งแผ่นดิน” ณ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จังหวัดนครนายก ซึ่งได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยเยาวชนทั้ง ๑๕ ทีม ได้เพิ่มทักษะความรู้ความสามารถเกี่ยวกับการเล่นดนตรี ร้องเพลง แต่งเพลง จากครูศิลปินชื่อดังเป็นอย่างดี รวมทั้งได้พัฒนาศักยภาพด้านดนตรีเพื่อได้สร้างสรรค์งานอย่างมีคุณภาพมากขึ้น เตรียมพร้อมสู่การประกวดในรอบชิงชนะเลิศต่อไป
พล.อ. ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า โครงการบทเพลงรักแห่งแผ่นดินซึ่งจัดขึ้นเป็นปีแรกในปีทีผ่านมา ประสบความสำเร็จอย่างสูง ปีนี้จึงจัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ ๓ ซึ่งได้รับผลตอบรับดีมากจากเยาวชนทั่วประเทศที่สมัครเข้าร่วมกว่า ๑,๐๐๐ คน สำหรับการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศครั้งนี้ ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความตื่นเต้นและภาคภูมิใจของเยาวชนไทยทั้ง ๑๕ ทีมสุดท้ายอย่างยิ่ง เพราะต่างได้ชื่อว่ามีฝีมือด้านดนตรีที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ ตลอดจนมีทักษะความรู้ความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ต่าง ๆ ที่ไม่แพ้กัน จึงขออวยพรให้กับทุกทีมประสบความสำเร็จและคว้าชัยชนะกลับมาเพื่อสร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนและครอบครัวต่อไป จงพยายามตั้งใจทำผลงานอย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องแพ้ชนะอาจไม่สำคัญมากไปกว่า การที่มีโอกาสได้มาแสดงความสามารถต่อสาธารณชน พร้อมได้มอบความสนุกสนานและเพลิดเพลินให้กับประชาชนทั่วไป ที่สำคัญคือมีโอกาสได้ร่วมถวายความจงรักภักดีและบอกรักสองพระองค์ท่านผ่านบทเพลงอันไพเราะร่วมกันอีกด้วย
“การที่โครงการได้รับการเสียงตอบรับที่ดีมากจากเยาวชนอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนมีโอกาสได้เห็นฝีมือและพัฒนาการด้านดนตรีของเยาวชนไทยที่เรียกว่าเกินคาด ทำให้รู้สึกภูมิใจกับความสามารถของเยาวชนเหล่านี้ และอยากร่วมส่งเสริมความสามารถนี้อย่างต่อเนื่องต่อไป จึงคาดว่าจะจัดโครงการนี้อย่างต่อเนื่องทุกปี นอกจากนี้ ยังมองเห็นความสำเร็จอื่น ๆ ที่สะท้อนกลับมาอีกมากมาย อาทิ กระแสความจงรักภักดีที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เกิดขึ้น การได้เห็นพลังแห่งความรักความสามัคคีของคนไทย ตลอดจนการสร้างจิตสำนึกเรื่องความรักชาติ และความหวงแหนแผ่นดินไทย ที่เกิดขึ้นกับเยาวชนเหล่านี้ ฯลฯ คือสิ่งที่ทางโครงการได้ตระหนักมาโดยตลอดและอยากให้เกิดขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด ที่สำคัญการที่โครงการฯ มีส่วนช่วยบ่มเพาะและปลูกฝังค่านิยมที่ดีแก่เยาวชนในเรื่องต่าง ๆ ให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งช่วยส่งเสริมให้เขาเหล่านี้ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ เพื่อส่งผลให้ปัญหาสังคมอื่น ๆ ลดน้อยลงในที่สุด เป็นสิ่งที่คิดว่าจะส่งผลดีให้กับสังคมอีกมากทีเดียว ” พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าว
โดยผลการประกวด “บทเพลงรักแห่งแผ่นดิน ปี 3” ทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ โรงเรียนเทศบาล 5 (วัดหัวป้อมนอก) จังหวัดสงขลา รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ โรงเรียนโคกสลุงวิทยา จังหวัดลพบุรี รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ โรงเรียนเทพศิรินทร์ พุแค จังหวัด สระบุรี รางวัลชมเชย ได้แก่ โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ และ วิทยาลัยนาฏศิลปะสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย
สำหรับทีมที่รับรางวัลชนะเลิศ นอกจากจะได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งออกแบบโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์แล้ว ยังจะได้รับเงินรางวัลมูลค่า ๓๐๐,๐๐๐ บาทอีกด้วย โดยรองชนะเลิศอันดับ ๑ จะได้ถ้วยรางวัลพร้อมเงินจำนวน ๑๕๐,๐๐๐ บาท ส่วนรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ ๒ จะได้ถ้วยรางวัลพร้อมเงินจำนวน ๗๕,๐๐๐ บาท และรางวัลชมเชยอีก ๒ รางวัลพร้อมเงินจำนวน ๓๐,๐๐๐ บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 1 ล้านบาท ทั้งนี้ เพลงที่ชนะเลิศจะได้รับเผยแพร่ออกสู่สาธารณะต่อไป คลิกดูข้อมูลเพิ่มเติมและความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ของโครงการได้ที่ www.thetreeofloves.com