กสิกรไทยออกเงินฝากซูเปอร์ ทวีทรัพย์ รับดอกสูงสุด 3.80%
กสิกรไทยสร้างฐานลูกค้าเงินฝากยาว ออกเงินฝากประจำ 24 เดือน “ซูเปอร์ ทวีทรัพย์” ฝากขั้นต่ำเริ่มเพียง 1,000 บาทต่อเดือน จ่ายดอกเบี้ยสูงสุดในตลาดถึง 3.80% ต่อปี รับเต็มๆ ไม่ต้องเสียภาษีพร้อมตั้งเป้ามีบัญชีเงินฝากใหม่เพิ่ม 160,000 บัญชี ปั๊มยอดเงินได้ 1,400 ล้านบาท ภายในสิ้นปี 56 นี้
นางนพวรรณ เจิมหรรษา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทย ได้ออกผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำ “ซูเปอร์ ทวีทรัพย์” เพื่อส่งเสริมประชาชนให้ออมเงินอย่างต่อเนื่องและเป็นทางเลือกในการฝากเงินที่ให้ผลตอบแทนสูง โดยเงินฝากซูเปอร์ ทวีทรัพย์ เป็นเงินฝากประจำแบบฝากทุกเดือน เดือนละเท่า ๆ กัน ติดต่อกัน 24 เดือน ให้ดอกเบี้ยสูง หากฝาก 1,000-9,999 บาทต่อเดือน จะได้รับอัตราดอกเบี้ย 3.50% ต่อปี และฝาก 10,000-25,000 บาทต่อเดือน ได้รับอัตราดอกเบี้ย 3.80% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงสุดในตลาดสำหรับเงินฝากประเภทเดียวกัน ทั้งนี้ลูกค้าจะต้องฝากเงินโดยการหักจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์หรือบัญชีเงินฝากกระแสรายวันในจำนวนที่เท่ากันทุกเดือนเป็นเวลา 24 เดือน ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกและช่วยให้ลูกค้าฝากเงินได้ครบตามเงื่อนไขการยกเว้นภาษีดอกเบี้ยของกรมสรรพากร
เงินฝากซูเปอร์ ทวีทรัพย์ จะช่วยสร้างวินัยทางการออม ตอบโจทย์ความต้องการพื้นฐานตามพฤติกรรมและรูปแบบการดำเนินชีวิตของลูกค้า จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการออมและวางแผนการเงิน ไม่ว่าจะวางแผนสะสมเงินเพื่อเติมเต็มความฝันในระยะใกล้ เช่น เพื่อการลงทุน ท่องเที่ยว ศึกษาต่อ หรือเป็นเงินเก็บสะสมให้เป็นก้อนจนเป็นเจ้าของสินทรัพย์ชิ้นใหญ่ในระยะยาว และใช้จ่ายในอนาคตได้
ผู้สนใจสามารถขอเปิดบัญชีเงินฝากซูเปอร์ทวีทรัพย์ได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 ธันวาคม 2556 ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ K-Contact Center 0 2888 8888
นางนพวรรณ กล่าวในตอนท้ายว่า ธนาคารกสิกรไทย ตั้งเป้าระดมเงินฝากประจำซูเปอร์ ทวีทรัพย์ในปีนี้ไว้ 160,000 บัญชี เพื่อสร้างฐานลูกค้าที่ใช้บริการเงินฝากระยะยาวกับธนาคาร และเชื่อว่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดทางหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการออมเงินกับสถาบันการเงินที่มั่นคง พร้อมรับดอกเบี้ยสูง โดยเฉพาะแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในประเทศยังอยู่ในภาวะทรงตัว สำหรับแผนการดำเนินงานผลิตภัณฑ์เงินฝากและการลงทุนลูกค้าบุคคลในปี 2556 คาดว่าปริมาณเงินฝากและเงินลงทุนจะเติบโตราว 10% เมื่อเทียบกับปี 2555 ซึ่งจะสอดคล้องกับการขยายตัวทางธุรกิจและการบริหารจัดการสภาพคล่องของธนาคาร โดยจะเน้นความสำคัญที่การออกแบบผลิตภัณฑ์การออมที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบทุกกลุ่มและนำเสนออย่างต่อเนื่องตามพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ซึ่งจะส่งผลให้ลูกค้าใช้ธนาคารกสิกรไทยเป็นธนาคารหลักในการออมและทำธุรกรรมทางการเงิน