กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ร่วมกับ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ เผยแนวโน้มเทรนด์ไหมไทย 2018 ด้วยแรงบันดาลใจจาก The Silk Road ดึงอัตลักษณ์ในเส้นทางวัฒนธรรมจากยุโรปถึงเอเชีย มาผสานกับเทคโนโลยี พัฒนาสู่วัสดุใหม่ ขยายฐานการใช้ไหมไทยตอบโจทย์อุตสาหกรรมแฟชั่นและไลฟสไตล์ในยุค 4.0
6 มิ.ย.60 นางวันเพ็ญ รัตนกังวาล ผู้อำนวยการกองพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา 1 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์กระทรวง อุตสาหกรรม พ.ศ. 2560 – 2564 ด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่มไทย ภายใต้วิสัยทัศน์ที่กำหนดให้ไทยเป็นศูนย์กลางสิ่งทอและแฟชั่นในภูมิภาคอาเซียน พร้อมสอดรับกับนโยบายการขับเคลื่อนสู่อุตสาหกรรม 4.0 นั้น กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม จึงได้ดำเนินกิจกรรมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไหมไทยร่วมสมัย (Modern Thai Silk) ภายใต้โครงการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ ประจำปีงบประมาณ 2560 เพื่อเร่งส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมไหมไทยด้านการออกแบบและเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย ภายใต้แบรนด์ Modern Thai Silk ให้มีมูลค่าเพิ่มสูงรองรับอุตสาหกรรม 4.0 และตรงตามความต้องการของตลาดเป้าหมายในระดับสากล สร้างการยอมรับจากอุตสาหกรรมแฟชั่นโลก โดยมอบหมายให้ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ เป็นที่ปรึกษาดำเนินงาน
ซึ่งโครงการดังกล่าวได้ดำเนินงานต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 4 ปี และในปีนี้แนวโน้มเทรนด์ไหมไทย 2018 ได้นำแนวคิด The Silk Road เส้นทางวัฒนธรรมจากยุโรปถึงเอเชียมาเป็นแรงบันดาลใจ โดยดึงอัตลักษณ์ต่าง ๆ มาผสานกับเทคโนโลยี พัฒนาสู่ลวดลายและวัสดุใหม่ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มโดยมีเป้าหมายขยายฐานการใช้ไหมไทย ให้สามารถใส่ได้ในทุกโอกาส ในคอนเซ็ปต์ ไหมไทย ใคร ๆ ก็ใส่ได้ ง่ายในการรักษา มาพร้อมฟังก์ชั่น ตอบโจทย์อุตสาหกรรมแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ในยุค 4.0 และสร้างการยอมรับในตลาดสากล
ดร.ชาญชัย สิริเกษมเลิศ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ กล่าวต่อว่า การดำเนินกิจกรรมดังกล่าวได้เริ่มพัฒนาแนวโน้มเทรนด์ไหมไทย 2018 จากแนวคิด The Silk Road โดยผู้เชี่ยวชาญจากประเทศอิตาลี ถ่ายทอดสู่ผู้ประกอบการเพื่อใช้เป็นแนวทางการพัฒนาต้นแบบ ทั้งการออกแบบเส้นด้าย โครงสร้างผ้าและลวดลายผ้า ด้านเทคนิคเชิงวิศวกรรมและเชิงเคมี การตกแต่งสำเร็จคุณสมบัติต่างๆ โดยมีผู้ประกอบการเข้าร่วมจำนวน 16 กิจการ และได้มอบทุนสนับสนุนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไหมไทยในเทรนด์ Modern Thai Silk 2018 ร่วมกันพัฒนาพร้อมประยุกต์เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาบูรณาการในกระบวนการจนได้ผลลัพธ์เป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับไหมไทย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่สามารถพัฒนาได้สำเร็จ อาทิเช่น ผ้าไหมยีนส์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ้าไหมคอลลาเจนช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิว ผ้าไหมใยไผ่ ผ้าไหมกัญชง ผ้าทอมือทอผสมผสานด้วยไหมเหลืองสิรินธร ผสมกับลินินและฝ้ายในโทนสีธรรมชาติ ผ้าถักด้วยเส้นด้ายปั่นผสมจากไหมอิรี่ เส้นใยลินินและเส้นใยฝ้ายเนื้อผ้านุ่มนวลมีคุณสมบัติพิเศษที่ดูดซับความชื้นและระบายอากาศได้ดี ผ้าไหมอโรม่าที่ตกแต่งด้วยกลิ่นหอม รวมทั้ง เคหะสิ่งทอ ชุดเครื่องนอนจากไหม สำหรับกลุ่มลูกค้าที่รักสุขภาพ ที่มีโครงสร้างผ้าคลุมด้านนอกทอด้วยไหมขนาดเล็กละเอียด เนื้อผ้ามีความนุ่มนวล เส้นใยบุด้านในผ้าห่ม ผลิตจากเศษรังไหมที่เหลือจากการสาวเส้นใยไหมนำมาพัฒนาเป็นแผ่นบุผ้านวม ที่สามารถดูแลรักษาง่าย และผลิตภัณฑ์เส้นด้ายชนิดใหม่ๆ กว่า 10 ชนิด โดยทั้งหมดถือเป็นการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้วัสดุใหม่ที่มีความหลากหลายรับการพัฒนาอุตสาหกรรมแฟชั่น 4.0
สำหรับผลิตภัณฑ์ต้นแบบดังกล่าว จัดอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์แฟชั่นและไลฟ์สไตล์ที่มีนวัตกรรม รักษ์สิ่งแวดล้อมและรักสุขภาพ โดยการต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์นั้น โครงการฯ จะจัดแสดงผลิตภัณฑ์ตัวอย่างที่พัฒนาเพื่อทดสอบตลาดระดับสากลในประเทศ พร้อมทั้งทำการวิจัยตลาดความต้องการผลิตภัณฑ์ โดยจะจัดแสดงสินค้าในงาน“Fashion and Jewelry Fair 2017” วันที่ 10-18 มิถุนายน พ.ศ. 2560 ณ ฮอลล์ 5 – 8 ศูนย์แสดงสินค้า อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยในเบื้องต้นผู้ประกอบการบางรายได้มีการตั้งเป้าหมายเตรียมนำผลิตภัณฑ์เจาะตลาดญี่ปุ่นในอนาคตอันใกล้นี้
สอบถามรายละเอียดผลิตภัณฑ์ได้ที่
กองพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา 1 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โทร. 0 2367 8219
หรือที่ปรึกษาโครงการ
ศูนย์พัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ
โทร. 0 2713 5492 – 9 ต่อ 407