กสร. เดินหน้าเสริมสร้างศักยภาพ “จป.” ภาคตะวันออก เร่งพัฒนาเครือข่ายเข้มแข็ง

0
568
image_pdfimage_printPrint

กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เดินหน้าเสริมสร้างศักยภาพและพัฒนาความเข้มแข็งเครือข่ายความปลอดภัยแรงงานอย่างยั่งยืน มุ่งเน้นเรื่องสารเคมีอันตรายแก่เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน 6 จังหวัดภาคตะวันออก

นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เปิดเผยหลังเป็นประธานเปิดการอบรมสัมมนาเสริมสร้างศักยภาพและพัฒนาความเข้มแข็งเครือข่ายความปลอดภัยแรงงานอย่างยั่งยืนเรื่องสารเคมีอันตราย วันที่ 22 พฤศจิกายน 2560  ณ ตำนานป่ารีสอร์ท จังหวัดระยอง ว่า กสร. ได้ดำเนินการตามแผนแม่บทความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2560 – 2564) เพื่อขับเคลื่อนระเบียบวาระแห่งชาติ “แรงงานปลอดภัยสุขภาพอนามัยดี” โดยเน้นการทำงานเชิงบูรณาการเพื่อลดอัตราการประสบอันตรายจากการทำงาน การมีส่วนร่วมในการทำงานของเครือข่ายความปลอดภัยแรงงานเพื่อเป็นกลไกการทำงานในการเฝ้าระวังความปลอดภัยและโรคอันเนื่องจากการทำงาน โดยในปีงบประมาณ พ.ศ.2561 กสร. ได้เดินหน้าดำเนินโครงการเสริมสร้างศักยภาพและพัฒนาความเข้มแข็งเครือข่ายความปลอดภัยแรงงาน   อย่างยั่งยืนเพื่อเป็นการเสริมสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงานที่มีความเสี่ยงให้กับภาคีเครือข่ายเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน (จป.) ให้สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในสถานประกอบกิจการ และสามารถเผยแพร่องค์ความรู้พร้อมทั้งประสบการณ์ให้แก่เครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการมีส่วนร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร เฝ้าระวังความปลอดภัยในการทำงานและโรคที่เกี่ยวเนื่องจากการทำงาน พัฒนาความเข้มแข็งในการขับเคลื่อนงานได้อย่างเป็นระบบ สอดคล้องกับกฎหมายโดยอาศัยการบูรณาการตามแนวทางประชารัฐเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของประเทศไทย (Safety Thailand)

นายอนันต์ชัย กล่าวต่อไปว่า สำหรับในวันนี้ กสร. ได้จัดอบรมสัมมนาตามโครงการเสริมสร้างศักยภาพและพัฒนาความเข้มแข็งเครือข่ายปลอดภัยแรงงานอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นเรื่องสารเคมีอันตรายให้แก่เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับบริหารและระดับวิชาชีพ จากสถานประกอบกิจการในจังหวัด ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี ชลบุรี ตราด และระยอง รวม 110 คน ให้สามารถดำเนินการด้านความปลอดภัยในการทำงานฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น