กลุ่มทรู รายงานรายได้ของธุรกิจโมบายล์เติบโตร้อยละ 28 จากปีก่อน ก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่อันดับ 2 ของประเทศ

0
549
image_pdfimage_printPrint

กลุ่มทรู รายงานรายได้ของธุรกิจโมบายล์เติบโตร้อยละ 28 จากปีก่อน ก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่อันดับ 2 ของประเทศ

บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2559 เติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วย EBITDA ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึงร้อยละ 33 จากปีก่อนหน้า อันเป็นผลจากรายได้จากการให้บริการที่เพิ่มสูงขึ้นเกือบร้อยละ 18 จากปีก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นอัตราเติบโตที่สูงสุดในรอบ 10 ปี เป็นไปตามแผนที่จะสร้างผลกำไรได้ในปี 2560 ทั้งนี้ ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่นและเหนือภาพรวมอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากการให้บริการ และ EBITDA ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 และร้อยละ 54 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ตามลำดับ อีกทั้งยังเพิ่มจำนวนลูกค้า 5.4 ล้านรายในปี ทำให้ก้าวเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่อันดับ 2 ของประเทศ

กลุ่มทรู มีรายได้จากการให้บริการโดยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.7 จากปีก่อนหน้า เป็นจำนวน 88.1 พันล้านบาท ในปี 2559 ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเติบโตอย่างโดดเด่นของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทั้งในกลุ่มลูกค้าระบบเติมเงินและรายเดือน ในขณะที่ บริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต สำหรับลูกค้าทั่วไป ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอัตราเลขสองหลักที่ร้อยละ 13.6 จากปีก่อนหน้า ส่งผลให้ EBITDA ของกลุ่มเติบโตอย่างมีนัยสำคัญถึงร้อยละ 33.3 จากปีก่อนหน้า เป็น 25.1 พันล้านบาท ซึ่งไม่รวมกำไรจากการโอนเสาโทรคมนาคมใหม่เข้ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF) ในปี 2558 เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบผลการดำเนินงานได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม

ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเร่งขยายโครงข่ายและการให้บริการให้ครอบคลุมประชากรทั่วประเทศเพื่อขยายฐานลูกค้า 4G และไฟเบอร์บรอดแบรนด์ทั่วประเทศ รวมถึงการรับรู้ค่าตัดจำหน่ายใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่ และค่าใช้จ่ายด้านคอนเทนต์ ส่งผลให้ กลุ่มทรู รายงานผลขาดทุน จำนวน 2.8 พันล้านบาท ในปี 2559

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะกรรมการบริหาร กล่าวว่า “ปี 2559 นับเป็นอีกก้าวสำคัญและเป็นปีที่อุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยและกลุ่มทรูเติบโตได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งมีการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุค 4G และดิจิทัล (Digitalization) อย่างรวดเร็ว สิ่งเหล่านี้ ผลักดันให้รายได้จากการให้บริการของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ของทั้งอุตสาหกรรมเติบโตถึงร้อยละ 5.4 ในปี 2559 ซึ่งนำโดยการเติบโตของทรูมูฟ เอช ที่มีรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 28 จากปีก่อนหน้า ในขณะที่ อัตราการเติบโตเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ของอุตสาหกรรมอยู่เพียงร้อยละ 3.8 ต่อปี ในขณะเดียวกัน ธุรกิจบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตของกลุ่มทรู ยังสามารถรักษาความเป็นผู้นำ และมีผลประกอบการที่เติบโตเข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ การนำเสนอคอนเทนต์คุณภาพสูงจากทั้งต่างประเทศและในประเทศที่ครบครันของทรูวิชั่นส์ ช่วยส่งเสริมกลยุทธ์คอนเวอร์เจนซ์ของกลุ่มทรูได้เป็นอย่างดี ซึ่งผลักดันการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมสร้างความผูกพันของลูกค้าต่อสินค้าและบริการในกลุ่มทรูได้มากยิ่งขึ้น

ตลอดทั้งปี 2559 ที่ผ่านมา กลุ่มทรูเดินหน้าสร้างโครงข่ายโทรคมนาคมที่ดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง โดยโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของทรูมูฟ เอช ทั้ง 4.5G/4G 3G และ 2G มีความครอบคลุมแล้วกว่าร้อยละ 98 ของประชากรไทย อีกทั้งยังเร่งขยายโครงข่ายบรอดแบนด์ของทรูออนไลน์ ให้ครอบคลุม 10 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ ทั้งนี้ ความโดดเด่นด้านเครือข่ายประสิทธิภาพสูงสุดและยุทธศาสตร์คอนเวอร์เจนซ์ ยังคงเป็นกลยุทธ์หลักของกลุ่ม ซึ่งเมื่อควบคู่กับความมุ่งมั่นในการมอบข้อเสนอที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า ทำให้กลุ่มทรูได้รับการยอมรับและเป็นที่หนึ่งในใจลูกค้าในปัจจุบัน โดยช่วยผลักดันให้รายได้ EBITDA และฐานลูกค้า ของกลุ่มให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ”

จุดแข็งของทรูมูฟ เอช ด้านเครือข่ายประสิทธิภาพสูงและความครอบคลุมทั่วประเทศในทุกมิติ ผ่านการผสมผสานคลื่นย่านความถี่ต่ำและสูงได้อย่างลงตัว แคมเปญดีไวซ์ร่วมกับค่าบริการที่คุ้มค่าหลากหลาย และช่องทางในการขายที่มีอยู่ทั่วประเทศของกลุ่มทรูและพันธมิตร ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันการเติบโตอย่างสูงของรายได้และฐานลูกค้าทั้งในระบบเติมเงินและรายเดือน โดย ทรูมูฟ เอช มีจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิ 5.4 ล้านราย ในปี 2559 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 75 ของจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิในอุตสาหกรรม ซึ่งขยายฐานลูกค้าทรูมูฟ เอช เพิ่มขึ้นเป็น 24.53 ล้านราย ส่งผลให้ทรูมูฟ เอช ก้าวเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่อันดับ 2 ของประเทศในปัจจุบัน ทั้งนี้ รายได้จากการให้บริการของทรูมูฟ เอช ในไตรมาส 4 ปี 2559 เติบโตร้อยละ 4.7 จากไตรมาสก่อนหน้า และร้อยละ 27.1 จากไตรมาส 4 ปี 2558 ผลักดันส่วนแบ่งตลาดรายได้ของทรูมูฟ เอช ให้เพิ่มขึ้นเป็น ร้อยละ 24.8 เมื่อเทียบกับร้อยละ 20.9 ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยทั้งปี 2559 ทรูมูฟ เอช มีรายได้จากการให้บริการที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญถึงร้อยละ 28.4 ในขณะที่ รายได้จากการให้บริการของผู้ประกอบการใหญ่รายอื่นในอุตสาหกรรมมีจำนวนรวมกันลดลงร้อยละ 0.2 จากปีก่อนหน้า

ทรูออนไลน์ มุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์การใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า และสนับสนุนให้ประชากรไทยสามารถเข้าถึงการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้เพิ่มขึ้น ผ่านการขยายโครงข่ายไฟเบอร์เข้าถึงครัวเรือน
ทั่วประเทศ ตอกย้ำจุดยืนของกลุ่มทรูที่เป็นผู้นำทั้ง 4G และบรอดแบนด์ นอกจากนี้ ทรูออนไลน์ ยังเพิ่มความคุ้มค่าให้กับบริการบรอดแบนด์แบบไฟเบอร์อย่างต่อเนื่อง ด้วยการเพิ่มความเร็วอินเทอร์เน็ต เริ่มต้นตั้งแต่ 30 Mbps
ถึง 1 Gbps รวมถึงการนำเสนอแพ็กเกจคอนเวอร์เจนซ์ที่คุ้มค่าภายใต้กลุ่มทรู และการให้บริการที่เป็นเลิศ
ซึ่งพัฒนาการเหล่านี้ ผลักดันให้รายได้จากการให้บริการบรอดแบนด์สำหรับกลุ่มลูกค้าทั่วไปเติบโตร้อยละ 13.6 จากปีก่อนหน้า และมีลูกค้ารายใหม่สุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 381,000 ราย ในปี 2559 ส่งผลให้ฐานลูกค้าบรอดแบนด์ของกลุ่มเติบโตเป็น 2.8 ล้านราย

ทรูวิชั่นส์ ยังคงสร้างความแตกต่างและเสริมความแข็งแกร่งบนแพลตฟอร์ม เพื่อเพิ่มประสบการณ์การรับชมโทรทัศน์ที่ดีที่สุดของสมาชิกอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเลือกสรรคอนเทนต์คุณภาพที่หลากหลายและครบครันสูงสุด โดยเฉพาะการถ่ายทอดสดคอนเทนต์ชั้นนำ พร้อมทั้งนำเสนอช่องรายการคุณภาพคมชัดแบบเอชดีกว่า 55 ช่อง ทั้งนี้ ทรูวิชั่นส์ยังเดินหน้าสรรหาและผลิตคอนเทนต์คุณภาพเพิ่มเติม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการในการรับชมของผู้บริโภคชาวไทยในยุคปัจจุบันได้ดียิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้ ร่วมกับความแข็งแกร่งในตลาดระดับแมสของทรูวิชั่นส์ ผ่านแพ็กเกจที่ผสมผสานกับบริการอื่นๆ ภายในกลุ่มทรู ส่งผลให้ทรูวิชั่นส์ มีจำนวนสมาชิกรายใหม่สุทธิและสมาชิกในระบบค่าบริการสมาชิกเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในปี 2559 ซึ่งผลักดันให้ฐานลูกค้าทั้งหมดของทรูวิชั่นส์เติบโตเป็น 3.9 ล้านราย ณ สิ้นปี

สำหรับปี 2560 นายศุภชัย กล่าวว่า “กลุ่มทรูจะยังคงรักษาการเติบโตอย่างเข้มแข็ง พร้อมเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จจากปีก่อนหน้า และเสริมความแข็งแกร่งให้กับการเป็นผู้นำคอนเวอร์เจนซ์แบบครบครันอย่างแท้จริง โดยมุ่งเน้นในการเพิ่มประสิทธิภาพของโครงข่ายและการให้บริการให้ดีมากยิ่งขึ้น การนำเสนอแพ็กเกจ
คอนเวอร์เจนซ์ที่คุ้มค่าและแตกต่าง การพัฒนาโซลูชั่นในรูปแบบดิจิทัลและนวัตกรรมที่ทันสมัย การต่อยอดความเป็นผู้นำและความเชี่ยวชาญในด้าน IoT (Internet of Things) พร้อมวิเคราะห์และปรับตัวเพื่อตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคและเทคโนโลยีได้อย่างต่อเนื่อง พัฒนาการเหล่านี้ เมื่อรวมกับความมุ่งมั่นในการเพิ่มประสิทธิภาพภายในองค์กรทุกด้าน จะเป็นสิ่งสำคัญที่จะเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและความแข็งแกร่งทางการเงินให้กับกลุ่มทรู ในขณะเดียวกัน ยังช่วยวางรากฐานให้กับกลุ่มทรูในการก้าวเป็นแนวหน้าในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ Thailand 4.0 พร้อมสนับสนุนให้กลุ่มทรูเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป