กลุ่มทรู รายงานผลกำไรเติบโตต่อเนื่องในไตรมาสแรกปี 2558
บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 1 ปี 2558 บริษัทฯ มีผลกำไรจำนวน 1.6 พันล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากจุดแข็งทางธุรกิจและผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งขึ้นมาก โดยเฉพาะที่ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และบรอดแบนด์
ในไตรมาส 1 ปี 2558 กลุ่มทรู มีรายได้จากการให้บริการโดยรวม เพิ่มขึ้นเป็น 18.0 พันล้านบาท จากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และบรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ กำไรจากการดำเนินงาน ก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย หรือ EBITDA จำนวน 5.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ตามรายได้ที่โตขึ้น โดยหากไม่รวมกำไรจากการโอนเสาโทรคมนาคมใหม่ให้กับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ทรูโกรท (“TRUEIF”) EBITDA เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 45 จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากการบริหารค่าใช้จ่ายด้ายการขายและการตลาดที่สามารถปรับลดลงได้อย่างมาก ขณะที่รายได้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กำไรจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นต่อเนื่อง และดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงสูงถึงร้อยละ 57 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า ส่งผลให้ในไตรมาส 1 ปี 2558 กลุ่มทรู รายงานผลกำไรสุทธิ จำนวน 1.6 พันล้านบาท หลังการรับรู้กำไรพิเศษจากการขายทรัพย์สินเพิ่มเติมในส่วนของเสาโทรคมนาคมจำนวน 338 ต้น เข้า TRUEIF ในเดือนมีนาคม จำนวน 361 ล้านบาท
นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร กล่าวว่า “เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ผลการดำเนินงานของกลุ่มเติบโตเข้มแข็งและต่อเนื่องในไตรมาสแรกของปีนี้ ทั้งนี้ กลุ่มทรูโมบาย ยังคงมีรายได้จากการให้บริการที่เติบโตเหนือกว่าอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง และมีส่วนแบ่งรายได้เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 18.4 ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อเครือข่าย 4G และ 3G ประสิทธิภาพสูงสุดและโปรโมชั่นหลากหลายที่น่าดึงดูดใจของทรูมูฟ เอช นอกจากนี้ รายได้จากบริการบรอดแบนด์ของทรูออนไลน์ ยังคงเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งในอัตราเลขสองหลัก ในขณะที่ รายได้ค่าสมาชิกของทรูวิชั่นส์ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า นอกจากนี้ ความสำเร็จของแคมเปญคอนเวอร์เจนซ์กลุ่มทรู และการทำการตลาดในแต่ละพื้นที่ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดย ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2558 กลุ่มทรูมีฐานลูกค้ารวมของทั้ง 3 ธุรกิจหลักจำนวน 26.3 ล้านราย บริษัทฯ เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าทั้งกลยุทธ์และจุดแข็งทางธุรกิจของกลุ่มทรู รวมถึงความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจไชน่า โมบายล์ จะส่งผลให้กลุ่มทรู สามารถเติบโตเข้มแข็งอย่างยั่งยืน และสร้างผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง”
ทรูมูฟ เอช คงความเป็นผู้นำในการมอบประสบการณ์ใช้งานโมบาย อินเทอร์เน็ตที่เร็วและแรง ผ่านเครือข่ายเทคโนโลยี 4G LTE ประสิทธิภาพสูงสุด ครอบคลุมร้อยละ 80 ของประชากรไทย โดยในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา กลุ่ม ทรูโมบาย นำเสนอแพ็กเกจที่น่าดึงดูดใจร่วมกับสมาร์ทดีไวซ์คุณภาพระดับโลกหลากหลายรุ่น โดยเฉพาะ ความร่วมมือกับไชน่า โมบายล์ ในการเปิดตัว “True Smart 4G 5.5″ Enterprise” สมาร์ทโฟน 4G มัลติแบนด์รุ่นใหม่ที่คุณภาพสูงราคาคุ้มค่า รองรับการใช้งานเครือข่ายได้ทุกช่วงความถี่ ทั่วโลก โดยผลตอบรับที่ดีต่อโปรโมชั่นเหล่านี้และกิจกรรมทางการตลาดในแต่ละภูมิภาค ส่งผลให้รายได้จากบริการที่ไม่ใช่เสียงหรือนอนวอยซ์ของกลุ่มทรูโมบาย เพิ่มสูงกว่าร้อยละ 32 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2558 กลุ่มทรูโมบายมีฐานลูกค้าจำนวนทั้งสิ้น 21.5 ล้านราย โดยประมาณ 20.7 ล้านรายเป็นผู้ใช้บริการ 4G และ 3G
ทรูออนไลน์ ยังคงเดินหน้ามอบความคุ้มค่าสูงสุดให้แก่ลูกค้าด้วยแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและแพ็กเกจคอนเวอร์เจนซ์ที่โดดเด่นและแตกต่าง อีกทั้งยังสามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของทุกคนในบ้านได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ทรูออนไลน์ มุ่งขยายโครงข่ายบรอดแบนด์ ซึ่งมีความครอบคลุมแล้วมากกว่า 5 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนชาวไทยสามารถเข้าถึงและใช้งานอินเทอร์เน็ตได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ณ สิ้น ไตรมาส 1 ปี 2558 ฐานผู้ใช้บริการบรอดแบนด์ของทรูออนไลน์ เพิ่มสูงขึ้นเป็น 2.2 ล้านราย
แคมเปญสำหรับตลาดแมสของทรูวิชั่นส์ โดยเฉพาะแพ็กเกจคอนเวอร์เจนซ์ร่วมกับบริการอื่นๆ ภายในกลุ่มทรู ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้จำนวนสมาชิกที่สมัครใช้บริการรายเดือนของทรูวิชั่นส์และรายได้จากค่าสมาชิก เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า นอกจากนี้ ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ทรูวิชั่นส์ ประสบความสำเร็จในการเปิดตัวกล่อง “ทรู ดิจิตอล เอชดี” ทำให้รายได้จากการขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการสมัครแพ็กเกจรายเดือนของทรูวิชั่นส์ได้เป็นอย่างดี โดย ณ สิ้นไตรมาส ทรูวิชั่นส์ มีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 2.6 ล้านราย
นายนพปฎล เดชอุดม หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มด้านการเงิน กล่าวว่า “กลุ่มทรู มีผลประกอบการและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากรายได้ที่เติบโตสูง ร่วมกับการมุ่งมั่นรักษาวินัยทางการเงิน และบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในไตรมาสแรกของปีนี้ อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ลดลงเป็น 1.3 เท่า นอกจากนี้ ความสำเร็จจากการจำหน่ายทรัพย์สินและสิทธิรายได้ของทรัพย์สินเพิ่มเติมเข้า TRUEIF ในเดือนมีนาคม ช่วยสนับสนุนการขยายธุรกิจของกลุ่มทรูได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังขยายขนาดทรัพย์สินของกองทุนให้มีศักยภาพเพิ่มสูงขึ้น”