ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับเทศกาลกินเจ ประเพณีถือศีลกินผักที่สืบทอดกันมายาวนาน สำหรับปีนี้จะเริ่มขึ้นในวันที่ 20-28 ตุลาคม 2560 ซึ่งบางคนก็จะกินก่อนล่วงหน้าประมาณ 1-3 วัน เพื่อล้างท้องและลำไส้ให้สะอาด ปราศจากการตกค้างของเนื้อสัตว์ โดยปัจจุบันคนรุ่นใหม่หันมากินเจกันมากขึ้น เพื่อรักษาศีล กินเจชำระล้างจิตใจให้สะอาด บริสุทธิ์ นอกจากนี้การกินเจยังเป็นการดูแลสุขภาพตัวเองอีกรูปแบบหนึ่ง
เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท เอเซียติค อุตสาหกรรมเกษตร จำกัด ผู้ผลิต แปรรูป และส่งออกผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวรายใหญ่ของประเทศไทย ได้มอบผลิตภัณฑ์ “อัมพวา” (Ampawa) กะทิแท้ 100% ในขวด PET ที่ไม่ใช่มีดีแค่ขวด แต่คัดสรรกะทิที่ดีที่สุด พร้อมชวนอิ่มบุญ อิ่มใจ แบบสุขภาพดี ด้วยการร่วมสนับสนุนเทศกาลกินเจ ประจำปี 2560 ให้กับศาลเจ้าและโรงเจในระดับตำนานได้รังสรรค์เมนูอาหารเจด้วยการใช้กะทิ “อัมพวา” ปรุงอาหารทั้งคาวและหวาน ได้แก่ โรงเจวัดโพธิ์เย็น จังหวัดกาญจนบุรี โรงเจซิ่วฮกตั๊ว (โรงเจปากน้ำ) จังหวัดสมุทรสงคราม และโรงเจศาลเจ้าโจวซือกง ย่านเยาวราช กรุงเทพฯ
ณัฐพล วิสุทธิไกรสีห์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเซียติค อุตสาหกรรมเกษตร จำกัด กล่าวว่า เทศกาลกินเจเป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาช้านาน ถือว่าเป็นช่วงที่ละเว้นจากการเบียดเบียนสัตว์และทำจิตใจให้บริสุทธิ์ บริษัทฯ จึงถือโอกาสนี้มอบกะทิแท้ 100% “อัมพวา” ที่คัดสรรจากมะพร้าวคุณภาพชั้นดี ขาว ข้น หอม มัน เหมือนกะทิคั้นสด เพราะคั้นทันทีตั้งแต่กะเทาะเปลือก และบรรจุลงในขวดกันรังสียูวีในระบบปลอดเชื้อที่ทันสมัย Cold Aseptic Filling Technology เพื่อเก็บรักษาความขาวข้นหอมมันของกะทิคั้นสดแบบธรรมชาติ รสชาติอร่อย ปราศจากการปรุงแต่ง เหมาะและสะดวกสำหรับการนำไปปรุงอาหารคาวและอาหารหวาน ให้กับโรงเจต่างๆ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสืบสานเทศกาลกินเจ
พ่อครัวประจำโรงเจศาลเจ้าโจวซือกง วัย 63 ปี “ลุงจอร์จ – สมชาย เกตุมณี” เล่าให้ฟังว่า ศาลเจ้าโจวซือกง เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีอายุอานามยาวนานถึง 230 ปี เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยเชื้อสายจีนในประเทศไทย ซึ่งในช่วงเทศกาลกินเจแต่ละปีจะมีประชาชนแวะเวียนมากราบไหว้หลวงปู่โจวซือกงเป็นจำนวนมาก รวมๆ แล้วตลอดช่วงเทศกาลกินเจแต่ละปีอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นคน เมนูอาหารที่โรงเจศาลเจ้าโจวซือกงจะมีประมาณ 10 เมนูต่อวัน สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป สำหรับเมนูพระเอกของโรงเจศาลเจ้าโจวซือกงที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ “คะน้าลุ้ย” หรือกะหล่ำปลีตุ๋นเห็ดหอม ซึ่งต้องใช้ความพิถีพิถันมาก ทั้งการเลือกกะหล่ำปลีที่มีน้ำหนักเบา เพราะต้องนำกะหล่ำปลีไปทอดน้ำมันก่อนน้ำมาตุ๋น นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูมะเขือยาวผัด ข้าวต้มเผือก โปรตีนเกษตรผัดพริก ก๋วยจั๊บ ราดหน้า ผัดซีอิ๊ว ผัดหมี่กวางตุ้ง เป็นต้น สำหรับเมนูกะทิ เช่น แกงเขียวหวาน แกงเทโพ ส่วนเมนูของหวานก็จะเป็นพวกข้าวเหนียวเปียก หมี่หวาน สาคู และแกงบวดต่างๆ
“ผมทำหน้าที่พ่อครัวทำอาหารเจให้โรงเจศาลเจ้าโจวซือกงมา 20 กว่าปีแล้ว เคล็ดลับการทำอาหารของผมก็คือ น้ำสต็อคหรือน้ำซุปที่ใช้ในการปรุงอาหารจะทำจากเห็ดหอม อันนี้ถือเป็นส่วนประกอบสำคัญของทุกเมนู เสน่ห์ของน้ำสต็อคเห็ดหอมก็คือ ความหวานและหอม โดยส่วนประกอบของเห็ดหอมสามารถใช้ทำอาหารได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นขาเห็ดหอมที่สามารถนำไปเข้าเครื่องปั่นเพื่อใช้แทนกระเทียม ด้วยการนำไปผัดแล้วใส่ลงในอาหารก็จะช่วยเพิ่มกลิ่นหอมให้กับอาหาร ส่วนดอกเห็ดหอมก็สามารถใช้เป็นส่วนประกอบในการทำอาหารเมนูอื่นๆ อีกมากมาย รสชาติอาหารที่โรงเจศาลเจ้าโจวซือกงไม่เป็นรองใคร เป็นสุดยอดโรงเจแห่งหนึ่งที่อาหารอร่อย” ลุงจอร์จ กูรูอาหารเจวัย 63 การันตีความอร่อย
สำหรับเมนูเด็ดที่ “ลุงจอร์จ” โชว์เสน่ห์ปลายจวักให้ชิม ก็คือ “ต้มข่าเห็ดเจ” ส่วนประกอบหลักๆ คือ ข่าอ่อนหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เห็ดนางฟ้า (เห็ดอื่นๆ ตามใจชอบ) กะหล่ำปลี มะเขือเทศ มะขามเปียก พริกขี้หนู ใบมะกรูด เกลือ และพระเอกของเมนูนี้ก็คือ กะทิแท้ 100% ตรา “อัมพวา” ในขวด PET ที่ใช้งานได้อย่างสะดวกง่ายดาย วิธีทำเริ่มจากนำกะทิขึ้นตั้งไฟอ่อนๆ พอเดือดก็หั่นข่าเป็นแว่นๆ ฉีกใบมะกรูดใส่ลงหม้อ แล้วใส่เห็ดต่างๆ กะหล่ำปลี ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก และเกลือ ชิมรสให้พอดีแล้วยกลง ตามด้วยพริกขี้หนูทุบ แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จสรรพร้อมรับประทานกับข้าวสวยหรือข้าวกล้องร้อนๆ ได้เลย
ปิดท้ายกันที่ “เฮียเล้ง-วิเชียร อมรชัยศักดา” วัย 60 ปี ดีกรีประสบการณ์ด้านการทำอาหารเจให้กับวัดโพธิ์เย็น จังหวัดกาญจนบุรี มายาวนานถึง 30 ปี บอกว่า วัดโพธิ์เย็นเป็นวัดแรกในประเทศไทยที่สามารถทำพิธีอุปสมบทพระภิกษุจีนนิกายมหายาน เมนูขึ้นชื่อของโรงเจวัดโพธิ์เย็นมีค่อนข้างเยอะ แต่หลักๆ ก็เห็นจะเป็น มะเขือยาวผัด แกงคั่วต่างๆ ที่ต้องใช้กะทิเป็นส่วนประกอบ ซึ่งในช่วงเทศกาลกินเจที่วัดโพธิ์เย็น แบ่งเป็น มื้อเช้า 5 เมนู กลางวัน 5 เมนู และเย็นอีก 5 เมนู รวมทุกมื้อแล้ววันละ 15 เมนู ปรับเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ รวมๆ แล้วมีมากกว่า 100 เมนู มีประชาชนเดินทางมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์วันละประมาณ 400-500 คน
“ปัจจุบันคนรุ่นใหม่ใส่ใจสุขภาพและหันมากินเจกันมากขึ้น เพราะอาหารเจให้ประโยชน์ต่อร่างกายดีต่อระบบขับถ่าย เคล็ดลับการทำอาหารเจที่ผมให้ความสำคัญมากๆ เลยก็คือ 1.ต้องสะอาดถูกหลักอนามัยทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในโรงครัว ผักที่จะนำมาทำอาหาร เราจะนำมาแช่น้ำเกลือประมาณ 30 นาที เพื่อชะล้างสารพิษที่อาจจะตกค้างอยู่ 2.ต้องเป็นเมนูเพื่อสุขภาพ ผงชูรสเราจะไม่ใช้เลย พวกน้ำซุปก็ใช้ฟัก หัวไชเท้า กะหล่ำปลีมาทำเป็นซุป ซึ่งจะได้รสชาติความหวานจากธรรมชาติ เวลาทำเมนูผัด แกง หรือตุ๋นก็จะใช้น้ำซุปผักใส่ลงทุกเมนู และ 3.รสชาติอาหารเรียกได้ว่า ครบเครื่องทั้งในเรื่องของความสด สะอาด ถูกสุขลักษณะ เมนูหลากหลาย ไร้ผงชูรส และที่สำคัญคือรสชาติต้องอร่อยด้วย” เชฟใหญ่แห่งโรงเจวัดโพธิ์เย็น กล่าว
อาหารเจหลายเมนูมีกะทิเป็นพระเอกหรือส่วนประกอบหลัก ยกตัวอย่างเช่น แกงคั่ว แกงบวด และแกงเผ็ด กะทิที่ดีมีคุณภาพต้องมีความหอม แตกมันเมื่อเคี่ยว ซึ่งจะทำให้อาหารที่ปรุงออกมามีรสชาติอร่อย โดยเมนูที่ “เฮียเล้ง” เลือกทำโชว์ก็คือ “แกงบวดฟักทอง” อย่างแรกเลยก็ต้องเลือกฟักทองแก่จัดที่มีความสดใหม่มีมัน ทดสอบได้จากการหยิกที่ผิวฟักทองแล้วสังเกตว่าจะมีมันๆ ออกมา ถ้าขาดความสดและความมันก็จะไม่อร่อย ส่วนกะทิต้องสดใหม่ อย่าง กะทิอัมพวา ถือว่าได้รสชาติเหมือนคั้นสดจากธรรมชาติจริงๆ หลังจากได้วัตถุดิบที่สดใหม่แล้ว หั่นฟักทองเป็นชิ้นเล็กพอประมาณ นำฟักทองแช่ในน้ำปูนใสประมาณ 30 นาที แล้วล้างออก หลังจากนั้นเคี่ยวหางกะทิแท้ 100% “อัมพวา” กับน้ำตาลมะพร้าวด้วยไฟอ่อนๆ จนได้ที่แล้วใส่ฟักทองลงไป รอจนเนื้อฟักทองสุกและนุ่ม ใส่หัวกะทิและเกลือนิดหน่อยเพื่อตัดหวาน ต้มด้วยไฟอ่อนๆ ต่อจนเดือดแล้วปิดไฟ (ระวังอย่าให้กะทิแตกมัน เพราะจะทำให้ดูแล้วไม่น่ารับประทาน) จากนั้นตักใส่ถ้วย จะเสิร์ฟทันทีขณะร้อน หรือปล่อยไว้ให้เย็นก็ได้
“วัตถุดิบที่ดี สดใหม่ และความสะอาดเป็นหัวใจของการปรุงอาหาร โดยเฉพาะกะทิที่ให้รสชาติความหอม มัน และมีคุณค่าทางโภชนาการ กะทิแท้ 100% อัมพวา สามารถใช้แทนกะทิคั้นสดได้อย่างมีคุณภาพ ถือเป็นตัวช่วยสำคัญในเรื่องของความสะดวกสำหรับพ่อครัวโรงเจอย่างผม นอกเหนือจากความพิถีพิถันในการทำอาหารเจทุกเมนูครับ” เฮียเล้ง ทิ้งท้าย
“อัมพวา” กะทิแท้ 100% ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนวัตถุดิบให้กับโรงเจเพื่อการสร้างสรรค์เมนูอาหารเจให้สะดวกยิ่งขึ้น..อิ่มบุญ อิ่มท้อง อิ่มใจ สุขภาพดีกันถ้วนหน้าตลอดเทศกาลกินเจปีนี้!