กรมอุทยานแห่งชาติฯ ร่วมกับเครือซีพีและบริษัทในเครือฯ ส่งเสริมการอนุรักษ์ธรรมชาติผ่านภาพถ่าย

0
662
image_pdfimage_printPrint

กรมอุทยานแห่งชาติฯ ร่วมกับเครือซีพีและบริษัทในเครือฯ ส่งเสริมการอนุรักษ์ธรรมชาติผ่านภาพถ่าย ในโครงการ ปลูกจิตสำนึกอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมการประกวดภาพถ่าย “สัตว์มีค่า ป่ามีคุณ” มุ่งมั่นสร้างคุณค่าปลูกจิตสำนึกคนไทยรักสิ่งแวดล้อม ปกป้องผืนป่าอย่างยั่งยืน

ทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะ“ป่าไม้และ สัตว์ป่า”มีความสัมพันธ์และพึ่งพาอาศัยกันแบบแยกจากกันไม่ได้ และความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าและสัตว์นานาพันธุ์ สะท้อนถึงระบบนิเวศที่มนุษย์ต้องพึ่งพาด้วย แต่เป็นเรื่องน่าหดหู่ เมื่อมนุษย์ในโลกปัจจุบัน กลับเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำลายทรัพยากรเหล่านี้ โดยเฉพาะการรุกล้ำเข้าไปครอบครองพื้นที่ป่าไม้ และคุกคามการดำรงอยู่ของสัตว์ป่า เพียงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวหรือทางธุรกิจเท่านั้น ส่งผลให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันรณรงค์ให้เกิดความตระหนักในการร่วมกันอนุรักษ์ป่าไม้และสัตว์ป่าในหลากหลายรูปแบบ เพื่อช่วยกันดูแลป้องกันไม่ให้ป่าไม้และสัตว์ป่าสูญพันธุ์
หนึ่งในนั้นคือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกับทางเครือเจริญโภคภัณฑ์ และบริษัทในเครือ อย่าง บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร บริษัท ซีพี รีเทลลิงค์ จำกัด และบริษัท ซีพี บีแอนด์เอฟ (ไทยแลนด์) จำกัด จัดโครงการ ปลูกจิตสำนึกอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมการประกวดภาพถ่าย “สัตว์มีค่า ป่ามีคุณ” ครั้งที่ 25 ประจำปี 2562 โดยได้จัดพิธีมอบรางวัลแก่ผู้ที่ได้รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และถ้วยประทานสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ไปเมื่อเร็วๆ นี้
นายประกิต วงศ์ศรีวัฒนกุล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่ากรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้มีการจัดกิจกรรมในการส่งเสริมให้คนไทยเกิดจิตสำนึกในการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งกิจกรรมประกวดภาพถ่ายอนุรักษ์ธรรมชาติ สัตว์มีค่า ป่ามีคุณ เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่จะเปิดโอกาสให้ทุกคนที่มีความสามารถด้านการถ่ายภาพได้ถ่ายทอดความงามของทรัพยากรป่าไม้ และสัตว์ป่า เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนได้เข้ามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้และสัตว์ป่า
“การมอบรางวัลครั้งนี้ไม่ใช่เพียงถ้วยรางวัล โล่รางวัล ทุนการศึกษาเท่านั้น แต่ยังได้สิทธิ์ในการท่องเที่ยวและเข้าพักในอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมและค่าที่พักเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ดังนั้น การถ่ายภาพเหล่านี้จะเป็นการส่งต่อความงดงามและสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมด้วย”นายประกิต กล่าว
ในปีนี้ มีเยาวชนและประชาชนทั่วไปส่งผลงานเข้าร่วมประกวดกว่า 2,061 ภาพ แบ่งเป็นภาพสัตว์ป่า 1,224 ภาพ และภาพป่าไม้ 837 ภาพ ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมากว่า 300 ภาพ โดยการประกวดได้แบ่งเป็น 2 ระดับ คือ ระดับบุคคลทั่วไป และระดับนักเรียน นิสิตนักศึกษา
ดร.นริศ ธรรมเกื้อกูล ประธานผู้บริหารทรัพยากรบุคคลเครือเจริญโภคภัณฑ์ ประธานผู้บริหาร บริษัท ซีพี บีแอนด์เอฟ(ไทยแลนด์) จำกัด และรองกรรมการผู้จัดการอาวุโสบริษัท ซีพี รีเทลลิงค์ จำกัด ในฐานะผู้แทนเครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเข้าสู่ปีที่ 25 โดยมีเป้าหมายสำคัญในการปลูกฝังจิตสำนึกและสร้างความตระหนักรู้ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติสัตว์ป่าและป่าไม้ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของเครือซีพีและของโลกเพื่ออนุรักษ์ไว้เป็นมรดกแก่คนรุ่นต่อไป
“บริษัท ซีพี บีแอนด์เอฟ (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นบริษัทในเครือฯ ได้ร่วมสนับสนุนโครงการดังกล่าวและได้ต่อยอดโดยนำภาพถ่ายไปตกแต่งร้านกาแฟ Jungle Cafe’ สานต่อแนวคิด DRINK MORE FOR FORESTทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ ประเทศลาว และกัมพูชา มุ่งเน้นขยายการรับรู้ด้วยการคัดเลือกภาพถ่ายที่ส่งเข้าประกวดมาใช้ตกแต่งร้าน ของที่ระลึกและสื่อต่าง ภายในร้าน ซึ่งในแต่ละภาพการสะท้อน ถ่ายทอดความรู้ผ่านรูปแบบ QR Code มีข้อมูลรายละเอียดของภาพระบุอย่างชัดเจน รวมถึงมีช่องทางออนไลน์ทั้งFacebook และ Instagram ในชื่อ Jungle Cafe’ เพื่อถ่ายทอดความงดงามสู่คนรุ่นใหม่ ให้เกิดความรู้สึกรักหวงแหน คุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติ โดยปีนี้ได้เปิดโอกาสให้เยาวชนเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติทั้งสัตว์ป่า ป่าไม้”ดร.นริศ กล่าว
นายฑีฆายุ วีระวุฒิ ได้รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ภาพ “จ้อง” รางวัลเกียรติยศประเภทสัตว์ป่า กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีแรกที่ได้เข้าร่วมการประกวดถ่ายภาพ ซึ่งโดยส่วนตัวเป็นคนที่ชอบถ่ายภาพเกี่ยวกับสัตว์ป่าโดยเฉพาะเสือมาตั้งแต่อายุ 19 ปี และรอมาหลายปีกว่าจะได้ภาพของเสือดาวที่เดินมาด้วยอำนาจของความเป็นเจ้าป่าในพื้นที่ป่าอุดมสมบูรณ์ จึงได้นำภาพดังกล่าวประกวด เพราะอยากให้ทุกคนได้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า และท่าทางกริยาของสัตว์ป่าที่ไม่สามารถหาชมได้ง่ายๆ เพื่อที่ทุกคนหากได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมธรรมชาติ เข้าป่าจะได้ร่วมกันอนุรักษ์ดูแลเพื่อให้ผืนป่าเป็นแหล่งพักพิงแก่สัตว์ป่า และทุกคนบนโลกใบนี้
“การถ่ายภาพสัตว์ป่าทำให้เราได้เห็นท่าทาง การใช้ชีวิตของสัตว์ป่าซึ่งทำให้ได้ฝึกทักษะหลายด้านมาก โดยเฉพาะความอดทน เพราะกว่าจะได้ภาพแต่ละภาพตามที่ต้องการเราต้องรอคอยความเป็นธรรมชาติของสัตว์ป่า และเมื่อได้นำภาพเหล่านี้มาถ่ายทอด แสดงให้ทุกคนได้เห็นจะเป็นการสร้างความตระหนักและจิตสำนึกในการอนุรักษ์สัตว์ป่า ดูแลผืนป่าต่อไป ดังนั้น โครงการประกวดถ่ายภาพ ที่ทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกับทางเครือเจริญโภคภัณฑ์และบริษัทในเครือฯ จัดขึ้น ถือเป็นโครงการที่ดีมากที่เปิดโอกาสให้ช่างภาพได้มีพื้นที่แสดงผลงานภาพถ่ายสัตว์ป่า ผืนป่าที่หาชมได้ยาก ขณะเดียวกันยังเป็นการกระตุ้นให้ทุกคนได้เห็นคุณค่าและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์สัตว์ป่า”นายฑีฆายุ กล่าว
ตอนนี้เทรนด์การท่องเที่ยวชมธรรมชาติ ป่าไม้ได้รับความสนใจมากขึ้น นายฑีฆายุ กล่าวต่อว่า อยากฝากทุกคนที่ไปเที่ยวป่า ไปชมธรรมชาติ สัตว์ป่า อย่าไปทิ้งขยะหรือทำลายธรรมชาติ และไม่ควรจะเอาธรรมชาติกลับบ้าน เพราะที่ผ่านมาเห็นขยะในป่าจำนวนมาก ทั้งที่หน่วยงาน อุทยานแห่งชาติพยายามป้องกันและดูแลเรื่องเหล่านี้ แต่อาจจะไม่เพียงพอ นักท่องเที่ยวต้องมีส่วนร่วมไม่ทิ้งขยะไว้ในป่า ต้องช่วยกันดูแล ไม่ทำลายธรรมชาติ หรือสัตว์ป่าด้วย
เช่นเดียวกับนายปุลิน เวชโช เจ้าของภาพ‘ป่าพรุควนเคร็ง’ ผู้ได้รับรางวัลเกียรติยศ ประเภทป่า ไม้ ได้รับถ้วยประทานสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ กล่าวว่ารู้จักโครงการนี้มาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ เพราะตอนนั้นคุณพ่อได้เข้าร่วมโครงการส่งภาพเข้าประกวดและได้รางวัล เราสนใจถ่ายภาพมาตั้งแต่เด็ก เนื่องจากที่บ้านเป็นร้านถ่ายรูปและได้เรียนรู้การถ่ายภาพมาจากพ่อ ส่วนที่สนใจถ่ายภาพป่านั้น มองว่าป่าไม้มีคุณค่าต่อทุกคน ต่อโลก แต่ที่ผ่านมาคนได้เข้าไปรุกล้ำและใช้ประโยชน์จากป่าไม้ โดยไม่สนใจว่าส่วนรวม อนาคตจะเป็นอย่างไร อยากนำเสนอภาพถ่ายป่าในพื้นที่ต่างๆ ให้ทุกคนได้เห็น สะท้อนให้ตระหนักถึงการอนุรักษ์ ดูแลทรัพยากรป่าไม้
“ภาพที่นำเสนอนั้น เป็นภาพป่าพรุที่ถูกทำลายจากไฟที่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ และเกิดจากไฟป่า เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการทำลายป่าที่รุนแรง และส่งผลเสียมหาศาลต่อธรรมชาติสิ่งแวดล้อม เราได้มีโอกาสไปทำงานร่วมกับพี่ๆ ช่างภาพ และนักข่าวในตอนนั้น ทำให้ทราบข้อมูลว่าป่าไม้ได้ถูกทำลายค่อนข้างมาก ก็อยากเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความตระหนักให้แก่ทุกคนผ่านภาพถ่าย ส่วนที่มาร่วมในโครงการนี้เพื่อทำตามความฝันให้พ่อ เพราะครั้งหนึ่งพ่อเคยเข้าร่วมและได้รับรางวัล เมื่อเดือนที่ผ่านมาพ่อได้เสียชีวิต รางวัลนี้ถือเป็นรางวัลที่มอบให้แก่พ่อของตนเอง และเป็นแรงบันดาลใจให้เราถ่ายภาพป่าไม้ เพื่อร่วมส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่กับโลกต่อไป อยากให้ทุกคนช่วยกันดูแลป่าไม้ หรือดูแลพื้นที่สีเขียวในบริเวณบ้านของตนเอง ช่วยกันปลูกต้นไม้ และเมื่อมีโอกาสไปเที่ยวธรรมชาติก็ขอให้เที่ยวอย่างมีจิตสำนึก เข้าไปดู ไปชมแต่ไม่ควรจะเข้าไปทำลาย”นายปุลิน กล่าว
ตบท้ายด้วย น้องบุ๋น ด.ช.ธรรมบุญ อุยยานนวาระ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสาร สาสน์วิเทศนครราชสีมา ได้รับรางวัลดีเลิศชื่อภาพ “ใบไม้ร่วง”และรางวัลยอดเยี่ยม ชื่อภาพ “ถิ่นข้า ใครอย่าแตะ” กล่าวว่ารู้สึกดีใจมากที่ได้รับรางวัลครั้งนี้ เพราะปีนี้เป็นปีแรกและครั้งแรกที่เข้าร่วมประกวดถ่ายภาพ โดยรู้มาจากพี่ที่อุทยานแห่งชาติ เขาเคยถ่ายภาพเข้าประกวดเมื่อปีที่แล้วและได้รับรางวัล จึงสนใจเข้าร่วมเพื่อเปิดโอกาสให้แก่ตนเองและได้เป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ธรรมชาติ สัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อมผ่านภาพถ่าย ได้เห็นมุมมองการถ่ายภาพของทุกคน และเปิดโอกาสให้ได้แสดงฝีมือ ได้รู้ว่าเราต้องพัฒนาทักษะการถ่ายภาพ มีป่าไม้ สัตว์ป่าอีกมากมายที่ต้องไปถ่ายภาพเพื่อมาถ่ายทอดให้แก่ทุกคนได้รับรู้

“แต่ละภาพที่ได้มาต้องใช้เวลาอย่างมาก ซึ่งการถ่ายภาพเป็นการฝึกอดทน รอคอยได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการถ่ายภาพสัตว์ป่า เราไม่รู้เลยว่าเขาจะมาให้เราถ่ายได้หรือไม่ ภาพแต่ละภาพที่ถ่ายจะต้องตั้งใจอย่างมาก เมื่อได้รับรางวัลในงานนี้เป็นการเติมแรงบันดาลใจในการถ่ายภาพ ให้มุ่งมั่นและเติมเต็มความฝันในการเป็นช่างภาพของเราได้เป็นอย่างดี ดังนั้น อยากให้ทุกคนมาเรียนรู้การถ่ายภาพและใช้ภาพถ่ายเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสิ่งดีๆให้แก่สังคม ยิ่งการดูแลอนุรักษ์ป่าไม้ สัตว์ป่า อยากให้ทุกคนถ่ายภาพ เก็บมาเป็นที่ระลึกแต่อย่านำสัตว์ป่า ธรรมชาติเหล่านั้นออกมาจากป่า ซึ่งเป็นเสมือนบ้านของพวกเขา เวลาไปเที่ยวป่า เที่ยวบ้านใครก็ควรจะดูแลบ้านของพวกเขาด้วย”ด.ช.ธรรมบุญ กล่าว

การ อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้และสัตว์ป่า ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องร่วมด้วยช่วยกัน แค่ตระหนักถึงคุณค่าของสิ่งแวดล้อมและเริ่มดูแลธรรมชาติกันตั้งแต่วันนี้ เพื่อปกป้องผืนป่าอย่างยั่งยืน