1

กรมป่าไม้ สั่งตั้งกรรมการสอบบุกรุกป่าเขานางนอน เมืองคอน พร้อมขยายผลดำเนินคดียึดที่ดินป่าคืนแปลงข้างเคียง ยกเลิกการจัดที่ดินทำกิน ฟันซ้ำไล่ออกสองป่าไม้พัวพันไม้เถื่อน

กรมป่าไม้ สั่งตั้งกรรมการสอบบุกรุกป่าเขานางนอน เมืองคอน พร้อมขยายผลดำเนินคดียึดที่ดินป่าคืนแปลงข้างเคียง ยกเลิกการจัดที่ดินทำกิน ฟันซ้ำไล่ออกสองป่าไม้พัวพันไม้เถื่อน

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ สั่งการให้สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า และสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 12 (นครศรีธรรมราช) เร่งตรวจสอบการบุกรุกป่าเขานางนอน จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยด่วน
ในเบื้องต้นได้รับรายงานว่า เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ ปลัดอำเภอทุ่งใหญ่ และผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 ต.กรุงหยัน อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ได้ร่วมกันตรวจสอบพื้นที่ที่มีการเสนอข่าว ทางสื่อต่างๆ พบว่ามีการแปรรูปไม้ โดยการตัดโค่นรวมกว่า 10 จุด และก่อสร้างบ้านในลักษณะอำพราง และนำไม้ไปจำหน่าย ดังนี้
1. ได้ตรวจยึดพื้นที่ถูกบุกรุกแผ้วถาง จำนวน 1 จุด บริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองกรุงหยัน ม.7 ต.กรุงหยัน อ.ทุ่งใหญ่ เนื้อที่ 6-1-42 ไร่ ตรวจยึดไม้กระยาเลย จำนวน 10 ท่อน ปริมาตร 10.06 ลบ.ม. แจ้งความดำเนินคดี ต่อสภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ตาม ปจว.2 เวลา 16.30 น. ลงวันที่ 22 เมษายน 2562 คดีที่ 314/62 ยึดทรัพย์ ที่ 154/62
2. ตรวจพบพื้นที่ถูกบุกรุกแผ้วถางเนื้อที่ 3-2-09 ไร่ บริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองกรุงหยัน ม.7 ต.กรุงหยัน อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ไม่พบผู้กระทำผิด อยู่ระหว่างแจ้งความดำเนินคดี
3. ได้การตรวจพบไม้แปรรูปไว้ และมีการก่อสร้างบ้านลักษณะอำพรางจำนวน 1 หลัง เจัาหน้าที่ได้ตรวจสอบแล้วเป็นชนิดไม้สุเหรียญ แปรรูป จำนวน 178 ชิ้น/แผ่น ปริมาตร 3.13 ลบ.ม. ไม่พบผู้กระทำผิด ได้ทำการตรวจยึด และมอบหมายให้หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นศ.6 (บางขัน) รับไปแจ้งความดำเนินคดีต่อไปแล้ว และปลัดอำเภอทุ่งใหญ่ และผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 ยืนยันว่าบริเวนที่มีการแปรรูปไม้ มีเพียงจุดเดียวเท่านั้น ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวณ พร้อมสนับสนุน และขอสนับสนุนอากาศยานเพื่อบินตรวจสอบสภาพป่าต่อไป
4. ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบปล่อยปละละเลยหรือรู้เห็นหรือไม่ อีกทั้งให้ตรวจสอบแปลงที่ดินข้างเคียงที่เป็นผู้บุกรุกให้ยกเลิกการจัดที่ดินทำกินตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) หากเกี่ยวข้องให้ดำเนินคดียึดคืนพื้นที่ป่าคืน

“ล่าสุดผมได้ลงนามคำสั่ง ไล่ออกลูกจ้างประจำ 1 ราย และพนักงานราชการ 1 ราย กรณีพัวพันไม้เถื่อนด้วย” อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าว

และล่าสุดนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ ได้ลงนามเห็นชอบให้ออก 2 เจ้าหน้าที่ของกรมป่า ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบไม้พะยูง รายแรกเป็นพนักงานราชการ ตำแหน่งผู้ช่วยพิทักษ์ป่า ประจำศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่1(ภาคกลาง) ตรวจสอบพบเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบทำไม้พะยูง เหตุเกิดในเขตพื้นที่ป่าไม้ตาม พรบ.ป่าไม้2484 ในท้องที่ ม.7.ต.สำพันตา อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี เมื่อวันที่19มีนาคม2562 เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายได้จับกุมดำเนินคดีขบวนการลักลอบทำไม้พะยูง ได้พร้อมผู้ต้องหาจำนวน 4 รายพร้อมรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำผิด พร้อมไม้พะยูงของกลาง19ท่อน ปริมาตร3.37 ลบ.ม
และต่อมา นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ ,ได้สั่งการให้นายชีวะภาพ ชีวะธรรม
ที่ปรึกษาชุดปฏิบัติการพิเศษพยัคย์ไพร ,พร้อมนายนิพนธ์ ทิพย์มณฑา.หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษพยัคย์ไพร กรมป่าไม้ นำกำลังลงขยายผลโดยละเอียดในพื้นที่ และตรวจสอบพบว่ามี เจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้ ไปเกี่ยวข้องกับขบวนการและภายหลังนายนิพนธ์ ทิพย์มณฑา,หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร และคณะกรรมการได้สรุปเรื่องราวเสนอมีความเห็นว่ากระทำผิดจริง จึงมีความเห็นเสนอให้เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวให้ออกจากราชการเสนอ ให้อธิบดีกรมป่าไม้ ลงนามตามระเบียบต่อไป
สำหรับอีกรายที่ ชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ ได้ขยายผลตรวจพบว่าไปมีส่วนพัวพันกับขบวนการลักลอบค้าไม้พะยูง เป็นเจ้าหน้าที่ตำแหน่งลูกจ้างประจำ ตำแหน่งพิทักษ์ป่า (ส2)ประจำหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ จบ8(คลองแดง) ต.พวา อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี เหตุเกิดเมื่อช่วงวันที่9มกราคม2562 ซึ่งชุดพญาเสือ กรมอุทธยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้เข้าจับกุมขบวนการลักลอบไม้พะยูงขบวนการใหญ่ที่มีทั้งพลเรือนและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ภาคตะวันออก และภายหลังชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ได้ขยายผลจนพบว่ามีเจ้าหน้าที่หลายรายเกี่ยวข้อง และภายหลัง อธิบดีกรมป่าไม้ ได้มีความเห็นให้ตรวจสอบและมีคำสั่งให้ออกเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยป้องกันรักษาป่า หน่วยดังกล่าวจำนวน4นายและมีการแจ้งความดำเนินคดีทางอาญาด้วย
และต่อมาชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ ได้ขยายผลต่อเนื่องพบว่ายังมี เจ้าหน้าที่ภาครัฐตำแหน่งพนักงานพิทักษ์ป่า(ส2) อีก1รายที่ไปเกี่ยวข้อง และได้เสนอความเห็นให้ นายอรรถพล เจริญชันษา ลงนามเห็นชอบตามความเห็นให้ออกจากราชการอีก 1ราย
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยกรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานราชการถือปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการในระบบราชการอย่างเคร่งครัด ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่27มีนาคม2561, โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ภาครัฐที่กระทำผิดทั้งอาญาและทางวินัย ซึ่งการกระทำผิดดังกล่าวทำให้เกิดความเสียหายต่อราชการอย่างรุนแรง จึงเห็นสมควรให้ออกจากราชการไว้ก่อน ตามที่คณะกรรมการตรวจสอบพบการกระทำผิดเสนอความเห็นมา และอยากให้เจ้าหน้าที่ที่มีพฤติการณ์แบบดังกล่าวหยุดการกระทำ ปรับตัวใหม่เพราะหากมีการตรวจสอบพบจะถูกดำเนินการทั้งทางวินัยคือให้ออกและถูกดำเนินคดีอาญาอีกด้วย