1

กรมประมงผลักดันประเทศไทยก้าวเป็น Seafood Hub เพิ่มขีดความสามารถสู่ตลาดโลก

กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ระดมพลผู้คร่่ำหวอดวงการอุตสาหกรรมประมง จัดสัมมนาเร่งขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นซีฟู้ด ฮับ (Seafood Hub)” เตรียมพร้อมจัดงานแสดงสัมมนาวิชาการ และแสดงสินค้าประมงของอาเซียน ASEAN Fisheries and Aquaculture Conference and Exposition 2015: ASEAN Seafood for the World ประกาศความเป็นศูนย์กลางการผลิตและการสินค้าประมงเพื่อประชากรโลก ประเดิม  5  มาตรการเร่งด่วนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสินค้าประมงไทยไปยังตลาดโลก

 pic 2

กรมประมง โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดสัมมนา “การขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นซีฟู้ด ฮับ (Seafood Hub)” ขึ้นที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัล พลาซ่า ลาดพร้าว โดยมีจุดประสงค์อันเกิดจากภาครัฐที่ต้องการรับฟัง ความคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งจากสมาคมประมงต่างๆ ซึ่งเป็นผู้คร่่ำหวอดในวงการอุตสาหกรรมประมง รวมถึงภาครัฐที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงพาณิชย์ BOI เกษตรกร นักวิชาการ สมาคมผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ สภาหอการค้าไทย ผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศ ผู้แทนจากสถานฑูต และผู้แทนกรมประมง ประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อเร่งผลักดันโยบายให้ประเทศไทยเป็น Seafood Hub หรือ ศูนย์กลางการผลิตและการค้าสินค้าประมง

 

ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าวเกิดขึ้้นจากความริเริ่่มของ นายศิริวัฒน์​ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกรมประมง ซึ่งได้ดำเนินกิจกรรมในปีงบประมาณ 2556 ไปบางส่วนแล้ว ดังนั้น เพื่อเร่งผลักดันให้นโยบายดังกล่าวเป็นจริงให้ได้ภายในปี 2558

 

สำหรับงานสัมมนาวิชาการและงานแสดงสินค้า ASEAN Fisheries and Aquaculture Conference and Exposition 2015: ASEAN Seafood for the World  จะถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในช่วงก่อนหรือหลัง งานแสดงสินค้า THAIFEX ในเดือนพฤษภาคม 2558 ที่กรุงเทพฯ โดยผู้ร่วมแสดงสินค้าในงานจะมาจากทั่วโลก โดยประเทศสมาชิกอาเซียนทุกประเทศจะมีพาวิลเลี่ยน ส่วนพาวิลเลี่ยนของประเทศไทยนอกจากจะประกอบด้วยผู้ประกอบการขนาดใหญ่แล้ว กรมประมงจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำสินค้าประมงของแต่ละจังหวัดมาร่วมออกบูธในงานด้วย เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสให้กลุ่มสหกรณ์ แม่บ้าน ได้ประชาสัมพันธ์สินค้าให้ผู้นำเข้าจากทั่วโลก อย่างไรก็ตาม นอกจากมีการแสดงสินค้าแล้ว ภายในงานยังจะจัดสัมมนาวิชาการโดยกำหนดหัวข้อการสัมมนาเพื่อจะตอบสนองต่อกรอบการจัดงาน คือ ภูมิอาเซียนผู้ผลิตสินค้าประมงสู่ตลาดโลก (ASEAN Seafood for the World)   โดยประเด็นหลักของหัวข้อสัมมนา จะประกอบด้วย การพัฒนามาตรฐานการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ อาหารปลอดภัยและมาตรฐานสินค้าประมง การพัฒนาการประมงอย่างยั่งยืน และสมดุลกับธรรมชาติ และการค้าสินค้าประมงระหว่างประเทศ เพื่อนำมาใช้เป็นแนวทางการปรับปรุงการดำเนินงานความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนให้มีการพัฒนาภาคการประมงอย่างยั่งยืน และได้รับความเชื่อมั่นจากประเทศผู้นำเข้า ทั้งนี้ ประเทศไทยจะเผยแพร่รายละเอียดการจัดงานอย่างต่อเนื่อง ผ่านทางสื่อประชาสัมพันธ์และเว็บไซด์อย่างเป็นทางการของงานดังกล่าว ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2557

 

ด้าน นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงทิศทางการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็น Seafood Hub ว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้กรมประมงเป็นผู้ดูแล การผลักดันดังกล่าวจะใช้โอกาสจากการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในการขยายฐานการผลิตและการค้าร่วมกัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าประมงไทยในตลาดโลก ซึ่งนโยบายดังกล่าวได้ดำเนินงานมาแล้ว 1 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2556 และจากการรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้อง และการเสวนาที่จัดขึ้น โดยมี ดร.สมศักดิ์ ปณีตัธยาศัย นายกสมาคมกุ้งไทย, ดร. พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย , คุณส่องแสง ปทะวานิช ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ และ กรรมการบริหาร สมาคมการประมงนอกน่านน้ำไทย , คุณไพบูลย์ พลสุวรรณา ที่ปรึกษาสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย , ดร. วราภรณ์ พรหมพจน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านที่ปรึกษาการประมงต่างประเทศ ทำให้ภาครัฐรับรู้ถึงทิศทางที่ดีในการปรับปรุงและเร่งดำเนินการในด้านต่างๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้

 

สำหรับแนวทางการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็น Seafood Hub รมช ศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ ได้กำหนดเป้าหมายพัฒนาภาคการประมงสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตและการค้าสินค้าประมง (Seafood Hub) ภายในปี 2558 เนื่องจากเล็งเห็นของความสำคัฐในภาคการประมงไทยที่สร้างรายได้ให้ประเทศ ในส่วนของมูลค่าการส่งออกในปี  2555    มากกว่า   264,000 ล้านบาท  ว่า ไทยสามารถสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้กับระบบการผลิตสินค้าประมงในประเทศ และสร้างฐานการผลิตร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียน  เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสินค้าประมงไทยไปยังตลาดโลกได้

 

ด้วยเหตุนี้จึงกำหนดมาตรการเร่งด่วน 5 ประเด็น ให้กรมประมงดำเนินการ นอกเหนือจากแผนงานอื่นที่ดำเนินการอยู่แล้ว คือ

  1. 1.       เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสัตว์น้ำ  ซึ่งจะต้องเน้นการพัฒนา และปรับปรุงการผลิตสัตว์น้ำที่มีศักยภาพในการส่งออก  ได้แก่ กุ้ง และปลานิล ด้วยวิธีการเร่งศึกษาวิจัยสูตรอาหารสัตว์น้ำที่เหมาะสมกับความต้องการในแต่ละช่วงวัยของการเจริญเติบโต และคิดค้นเทคโนโลยี/การบริหารจัดการฟาร์มเพื่อลดต้นทุนการใช้พลังงาน รูปแบบการให้อาหารที่เหมาะสม และลดการใช้สารเคมีในการกระบวนการผลิตทุกขั้นตอน
  2. 2.       เพิ่มประสิทธิภาพระบบการควบคุมคุณภาพสินค้าประมงตลอดห่วงโซ่การผลิต  เน้นการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานของระบบควบคุมคุณภาพสินค้าประมงตั้งแต่ระดับฟาร์ม  โรงงานแปรรูปสัตว์น้ำ และสินค้าสัตว์น้ำเพื่อการส่งออกของไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลรวมทั้งข้อกำหนดของประเทศผู้นำเข้าต่างๆ
  3. 3.       รักษาปริมาณผลผลิตสัตว์น้ำจากการทำประมงร่วมในน่านน้ำต่างประเทศ ซึ่งกรมประมงและผู้ประกอบของไทยได้ร่วมกันเจรจากับรัฐบาลประเทศในภูมิภาคต่างๆ อาทิ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อินโดนีเซีย พม่า) เอเชียใต้ (บังกลาเทศ) แอฟริกา (โมซัมบิก โซมาเลีย เยเมน) ตะวันออกกลาง (โอมาน) เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยยังสามารถเข้าไปทำประมงได้อย่างต่อเนื่อง และเพื่อหาลู่ทางการลงทุนร่วมในสาขาประมงอื่นๆ ด้วย
  4. 4.       สนับสนุนการค้าและการลงทุนร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียน โดยกรมประมงจะดำเนินงานร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการลงทุน (BOI)  สำนักงานทูตพาณิชย์ และสำนักงานทูตเกษตรในต่างประเทศจัดให้มีการจับคู่ธุรกิจประมงกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีศักยภาพ กับผู้ประกอบการ/เกษตรกรไทยที่ให้ความสนใจที่จะเข้าไปร่วมลงทุน ทั้งซื้อวัตถุดิบเพื่อนำกลับมาแปรรูป และตั้งโรงงานอุตสาหกรรมต่อเนื่องบนฝั่งของประเทศที่ไทยเข้าไปทำประมงร่วม นอกจากนี้ จะสนับสนุนและส่งเสริม ผู้ประกอบการไทยไปลงทุนเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในประเทศสมาชิกอาเซียนที่มีศักยภาพเพื่อใช้ประโยชน์จากการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบในปี 2558
  5. 5.       เสริมสร้างภาพลักษณ์ของสินค้าประมงไทย โดยการจัดงานแสดงสินค้าประมงระดับนานาชาติในประเทศไทย ภายใต้ชื่องาน ASEAN Fisheries and Aquaculture Conference and Exposition 2015: ASEAN Seafood for the World   ขึ้นเป็นครั้งแรกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจะจัดต่อเนื่องกันไปทุกๆ 2 ปี  พร้อมร่วมกับกระทรวงพาณิชย์นำผู้ประกอบการ ทั้งขนาดเล็ก กลาง และขนาดใหญ่ไปร่วมจัดแสดงสินค้าทั้งในและนอกภูมิภาคอาเซียน เพื่อประชาสัมพันธ์ว่าสินค้าประมงของไทยมีคุณภาพและความปลอดภัยเทียบเท่ามาตรฐานสากล